วันเสาร์ที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

โรคชิคุนกุนยา

โรคชิคุนกุนยา (Chikungunya)

ลักษณะโรค
โรคชิคุนกุนยา เป็นโรคติดเชื้อไวรัสชิคุนกุนยาที่มียุงลายเป็นพาหะนำโรค มีอาการคล้ายไข้เดงกี แต่ต่างกันที่ไม่มีการรั่วของพลาสมาออกนอกเส้นเลือด จึงไม่พบผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงมากจนถึงมีการช็อก

สาเหตุ
เกิดจากเชื้อไวรัสชิคุนกุนยา (Chikungunya virus) ซึ่งเป็น RNA Virus จัดอยู่ใน genus alphavirus และ family Togaviridae มียุงลาย Aedes aegypti, Ae. albopictus เป็นพาหะนำโรค

วิธีการติดต่อ
ติดต่อกันได้โดยมียุงลาย Aedes aegypti เป็นพาหะนำโรคที่สำคัญ เมื่อยุงลายตัวเมียกัดและดูดเลือดผู้ป่วยที่อยู่ในระยะไข้สูง ซึ่งเป็นระยะที่มีไวรัสอยู่ในกระแสเลือด เชื้อไวรัสจะเข้าสู่กระเพาะยุง และเพิ่มจำนวนมากขึ้น แล้วเดินทางเข้าสู่ต่อมน้ำลาย เมื่อยุงที่มีเชื้อไวรัสชิคุนกุนยาไปกัดคนอื่นก็จะปล่อยเชื้อไปยังคนที่ถูกกัด ทำให้คนนั้นเกิดอาการของโรคได้

ระยะฟักตัว
โดยทั่วไปประมาณ 1-12 วัน แต่ที่พบบ่อยประมาณ 2-3 วัน
ระยะติดต่อ
ระยะไข้สูงประมาณวันที่ 2 – 4 เป็นระยะที่มีไวรัสอยู่ในกระแสเลือดมาก

อาการและอาการแสดง
ผู้ป่วยจะมีอาการไข้สูงอย่างฉับพลัน มีผื่นแดงขึ้นตามร่างกายและอาจมีอาการคันร่วมด้วย พบตาแดง (conjunctival injection) แต่ไม่ค่อยพบจุดเลือดออกในตาขาว ส่วนใหญ่แล้วในเด็กจะมีอาการไม่รุนแรงเท่าในผู้ใหญ่ ในผู้ใหญ่อาการที่เด่นชัดคืออาการปวดข้อ ซึ่งอาจพบข้ออักเสบได้ ส่วนใหญ่จะเป็นที่ข้อเล็กๆ เช่น ข้อมือ ข้อเท้า อาการปวดข้อจะพบได้หลายๆ ข้อเปลี่ยนตำแหน่งไปเรื่อยๆ (migratory polyarthritis) อาการจะรุนแรงมากจนบางครั้งขยับข้อไม่ได้ อาการจะหายภายใน 1-12 สัปดาห์ ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการปวดข้อเกิดขึ้นได้อีกภายใน 2-3 สัปดาห์ต่อมา และบางรายอาการปวดข้อจะอยู่ได้นานเป็นเดือนหรือเป็นปี ไม่พบผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงถึงช็อก ซึ่งแตกต่างจากโรคไข้เลือดออก อาจพบ tourniquet test ให้ผลบวก และจุดเลือดออก (petichiae) บริเวณผิวหนังได้

ความแตกต่างระหว่างDF/DHF กับการติดเชื้อ chikungunya
1. ใน chikungunya มีไข้สูงเกิดขึ้นอย่างฉับพลันกว่าใน DF/DHF คนไข้จึงมาโรงพยาบาลเร็วกว่า
2. ระยะของไข้สั้นกว่าในเดงกี ผู้ป่วยที่มีระยะไข้สั้นเพียง 2 วัน พบใน chikungunya ได้บ่อยกว่าใน DF/DHF โดยส่วนใหญ่ไข้ลงใน 4 วัน
3. ถึงแม้จะพบจุดเลือดได้ที่ผิวหนัง และการทดสอบทูนิเกต์ให้ผลบวกได้ แต่ส่วนใหญ่จะพบจำนวนทั้งที่เกิดเองและจากทดสอบน้อยกว่าใน DF/DHF
4. ไม่พบ convalescent petechial rash ที่มีลักษณะวงขาวๆใน chikungunya
5. พบผื่นได้แบบ maculopapular rash และ conjunctival infection ใน chikungunya ได้บ่อยกว่าในเดงกี
6. พบ myalgia / arthralgia ใน chikungunya ได้บ่อยกว่าในเดงกี
7. ใน chikungunya เนื่องจากไข้สูงฉับพลัน พบการชักร่วมกับไข้สูงได้ถึง 15% ซึ่งสูงกว่าในเดงกีถึง 3 เท่า
ระบาดวิทยาของโรค

การติดเชื้อ Chikungunya virus เดิมมีรกรากอยู่ในทวีปอาฟริกา ในประเทศไทยมีการตรวจพบครั้งแรกพร้อมกับที่มีไข้เลือดออกระบาดและเป็นครั้งแรกในทวีปเอเชีย เมื่อ พ.ศ. 2501 โดย Prof.W McD Hamnon แยกเชื้อชิคุนกุนยา ได้จากผู้ป่วยโรงพยาบาลเด็ก กรุงเทพมหานคร
ในทวีปอาฟริกามีหลายประเทศพบเชื้อชิคุนกุนยา มีการแพร่เชื้อ 2 วงจรคือ primate cycle (rural type) (คน-ยุง-ลิง) ซึ่งมี Cercopithicus monkeys หรือ Barboon เป็น amplifyer host และอาจทำให้มีผู้ป่วยจากเชื้อนี้ประปราย หรืออาจมีการระบาดเล็กๆ (miniepidemics) ได้เป็นครั้งคราว เมื่อมีผู้ที่ไม่มีภูมิคุ้มกันเข้าไปในพื้นที่ที่มีเชื้อนี้อยู่ และคนอาจนำมาสู่ชุมชนเมือง โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มียุงลายชุกชุมมาก ทำให้เกิด urban cycle (คน-ยุง) จากคนไปคน โดยยุง Aedes aegypti และ Mansonia aficanus เป็นพาหะ
ในทวีปเอเซีย การแพร่เชื้อต่างจากในอาฟริกา การเกิดโรคเป็น urban cycle จากคนไปคน โดยมี Ae. aegypti เป็นพาหะที่สำคัญ ระบาดวิทยาของโรคมีรูปแบบคล้ายคลึงกับโรคติดเชื้อที่นำโดย Ae. aegypti อื่นๆ ซึ่งอุบัติการของโรคเป็นไปตามการแพร่กระจายและความชุกชุมของยุงลาย หลังจากที่ตรวจพบครั้งแรกในประเทศไทย ก็มีรายงานจากประเทศต่างๆ ในทวีปเอเชีย ได้แก่ เขมร เวียตนาม พม่า ศรีลังกา อินเดีย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์

โรคนี้จะพบมากในฤดูฝน เมื่อประชากรยุงเพิ่มขึ้นและมีการติดเชื้อในยุงลายมากขึ้น พบโรคนี้ได้ในทุกกลุ่มอายุ ซึ่งต่างจากไข้เลือดออกและหัดเยอรมันที่ส่วนมากพบในผู้อายุน้อยกว่า 15 ปี ในประเทศไทยพบมีการระบาดของโรคชิคุนกุนยา 6 ครั้ง ในปี พ.ศ. 2531 ที่จังหวัดสุรินทร์ พ.ศ. 2534 ที่จังหวัดขอนแก่นและปราจีนบุรี ในปี พ.ศ. 2536 มีการระบาด 3 ครั้งที่จังหวัดเลย นครศรีธรรมราช และหนองคาย
การรักษา ไม่มีการรักษาที่จำเพาะเจาะจง (specific treatment) การรักษาเป็นการรักษาแบบประคับประคอง (supportive treatment) เช่นให้ยาลดอาการไข้ ปวดข้อ และการพักผ่อน

การเฝ้าระวังโรค Chikungunya
1. นิยามในการเฝ้าระวังโรค (Case Definition for Surveillance)
1.1 เกณฑ์ทางคลินิก (Clinical Criteria)
มีไข้สูง ร่วมกับ อาการอย่างน้อยหนึ่งอาการ ดังนี้
มีผื่น
ปวดกล้ามเนื้อ
ปวดกระดูกหรือข้อ
ปวดศีรษะ
ปวดกระบอกตา
มีเลือดออกตามผิวหนัง
1.2 เกณฑ์ทางห้องปฏิบัติการ (Laboratory Criteria)

ทั่วไป
Complete Blood Count (CBC)
อาจมีจำนวนเม็ดเลือดขาวต่ำ
เกล็ดเลือดปกติ ซึ่งสามารถแยกจากไข้เดงกีได้

จำเพาะ
ตรวจพบแอนติบอดีจำเพาะต่อเชื้อในน้ำเหลืองคู่ (paired sera) ด้วยวิธี Haemagglutination Inhibition (HI) ³ 4 เท่า หรือ ถ้าน้ำเหลืองเดี่ยวนั้น ต้องพบภูมิคุ้มกัน > 1: 1,280 หรือ
ตรวจพบภูมิคุ้มกันชนิด IgM โดยวิธี ELISA หรือ
ตรวจพบเชื้อได้จากเลือด โดยวิธี PCR หรือการแยกเชื้อ (culture)
2. ประเภทผู้ป่วย (Case Classification)
2.1 ผู้ป่วยที่สงสัย (Suspected case) หมายถึงผู้ที่มีอาการตามเกณฑ์ทางคลินิก ได้แก่ ไข้ ออกผื่น ปวดข้อ
2.2 ผู้ป่วยที่เข้าข่าย (Probable case) หมายถึง ผู้ที่มีอาการตามเกณฑ์ทางคลินิก และ มีลักษณะอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังนี้
มีผลการตรวจเลือดทั่วไป
มีผลการเชื่อมโยงทางระบาดวิทยากับผู้ป่วยรายอื่นๆที่มีผลการตรวจยืนยันทางห้องปฏิบัติการจำเพาะ
2.3 ผู้ป่วยที่ยืนยันผล (Confirmed case) หมายถึง ผู้ที่มีอาการตามเกณฑ์ทางคลินิก และ มีผลตามเกณฑ์ทางห้องปฏิบัติการจำเพาะ
3. การรายงานผู้ป่วยตามระบบเฝ้าระวังโรค รง.506 (Reporting Criteria)
ให้รายงานผู้ป่วยที่เข้าข่าย (Probable case) และผู้ป่วยที่ยืนยันผล (Confirmed case) โดยรายงานในช่องอื่นๆ ของรายการโรคในบัตรรายงาน 506
4. การสอบสวนโรค (Epidemiological Investigation)
4.1 สอบสวนเฉพาะราย (Individual Case Investigation) เมื่อมีรายงานผู้ป่วยที่มีอาการเข้าได้กับนิยามโรค Chikungunya ให้สอบสวนโรค ยืนยันการวินิจฉัย ค้นหาแหล่งติดเชื้อ และควบคุมโรค
4.2สอบสวนการระบาด (Outbreak Investigation) เมื่อมีรายงานผู้ป่วยที่มีอาการเข้าได้กับนิยามโรค Chikungunya โดยเกิดโรคเป็นกลุ่ม (cluster) ให้สอบสวนโรค ยืนยันการวินิจฉัย/การระบาด หาสาเหตุและระบาดวิทยาของการระบาด และควบคุมโรค

ดำเนินการเฝ้าระวังและสอบสวนโรคดังนี้
เฝ้าระวังผู้ที่มีอาการไข้สูง ร่วมกับ อาการอย่างน้อยหนึ่งอาการ ดังนี้ มีผื่น ปวดกล้ามเนื้อ ปวดกระดูกหรือข้อ ปวดศีรษะ ปวดกระบอกตา มีเลือดออกตามผิวหนัง แนะนำให้ไปรับการรักษาเพื่อได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์(อาการนำของโรค Chikungunya จะคล้ายโรคไข้เลือดออกหรือโรคหัดเยอรมัน อาจทำให้วินิจฉัยโรคผิดพลาด และไม่ทราบว่ามีโรคนี้เกิดขึ้นในพื้นที่ จึงต้องสังเกตลักษณะทางระบาดวิทยาของโรค ที่จะพบได้ทุกกลุ่มอายุและอาการปวดข้อที่เด่นชัด ซึ่งแตกต่างจากโรคไข้เลือดออก ควรแยกโรคนี้กับโรคไข้ออกผื่นอื่น ๆ เช่น หัดเยอรมัน ซึ่งไม่เป็นทุกกลุ่มอายุ และมักจะระบาดในช่วงต้นฤดูหนาว) รายงานผู้ป่วยให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด สำนักระบาดวิทยา และสำนักงานป้องกันควบคุมโรค
สอบสวนโรคเพื่อหาผู้ป่วยเพิ่ม แหล่งติดเชื้อ ปัจจัยเสี่ยง ป้องกันและควบคุมโรค โดยค้นหาผู้ป่วยเพิ่มเติม โดยใช้นิยามผู้ป่วย ตามที่กล่าวแล้วข้างบน(จากหนังสือ นิยามโรคติดชื้อ ประเทศไทย, กระทรวงสาธารณสุข พ.ศ. 2546 จัดทำโดย สำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข)ค้นหาแหล่งติดเชื้อ จากการสอบถามประวัติเดินทางหรือการอยู่อาศัย เป็นระยะเวลาเท่ากับระยะฟักตัวของโรค ก่อนวันเริ่มป่วย
สอบสวนหาปัจจัยเสี่ยงคือ ความชุกชุมยุงลาย ป้องกันและควบคุมโรคเช่นเดียวกับโรคไข้เลือดออก

การเก็บตัวอย่างและการส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการ
การตรวจเพื่อยืนยันการติดเชื้อไวรัสชิคุนกุนยา มีหลายวิธีดังนี้
1.การแยกเชื้อไวรัสจากซีรั่ม
2.การตรวจทางน้ำเหลืองมีการตรวจหลายวิธีเช่น ELISA, Haemagglutination–inhibition test

การแยกเชื้อไวรัส
เก็บตัวอย่างโลหิตโดยเจาะจากเส้นโลหิตดำที่แขนประมาณ 5 มิลลิลิตร ใส่ในหลอดที่ปราศจากเชื้อ ทิ้งไว้ที่อุณหภูมิห้องประมาณ 15 – 30 นาที แช่น้ำแข็งหรือเก็บไว้ในตู้เย็นธรรมดา (ห้ามแช่แข็ง) นำส่งห้องปฏิบัติการภายใน 24 ชั่วโมง หรือในกรณีที่มีตู้แช่แข็ง -70 0C หรือ liquid nitrogen หรือ dry ice สามารถแยก serum จาก blood clot เก็บไว้เพื่อนำส่งห้องปฏิบัติการภายหลัง โดยนำส่งในน้ำแข็งแห้ง หรือใน liquid nitrogen ภายใน 2 – 3 วัน

การตรวจทางน้ำเหลือง
น้ำเหลืองประมาณ 1 – 2 มิลลิลิตร เก็บ 2 ครั้ง ห่างกัน 7-14 วัน ครั้งที่ 1 ในวันที่ผู้ป่วยเข้ารับการรักษา ครั้งที่ 2 ห่างจากครั้งที่ 1 ประมาณ 7-14 วัน

การเก็บตัวอย่าง
เจาะเลือดจากหลอดเลือดดำโดยวิธีการปลอดเชื้อ ประมาณ 3-5 มิลลิลิตร ใส่หลอดแก้วที่ปลอดเชื้อ ปั่นแยกเฉพาะน้ำเหลืองใส่ในหลอดที่ปลอดเชื้อ ปิดจุกและพันด้วยพาราฟิล์มหรือเทปให้แน่น ปิดฉลากเขียนชื่อนามสกุลผู้ป่วย วันที่เจาะเก็บเลือด และการตรวจทางน้ำเหลืองวิทยาที่ต้องการ จากนั้นเก็บน้ำเหลืองดังกล่าวไว้ที่ 4 องศาเซลเซียส หรือในช่องแช่แข็งของตู้เย็นรอจนได้ตัวอย่างที่ 2 แล้วจึงส่งพร้อมกัน

การนำส่งตัวอย่าง
การส่งตัวอย่างมาที่ห้องปฏิบัติการให้ใส่ถุงพลาสติกแยกเป็นรายๆ รัดยางให้แน่น แช่ในกระติกน้ำแข็ง ส่งทางไปรษณีย์ด่วนพิเศษพร้อมแบบส่งตัวอย่างไปที่ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์

ข้อแนะนำวิธีการเก็บและการส่งตัวอย่างตรวจโรคไข้ปวดข้อออกผื่นชิคุนกุนยา
เจาะเลือดครั้งที่หนึ่ง ในวันที่ผู้ป่วยเข้ารับการรักษา
เจาะเลือดครั้งที่สอง ห่างจากครั้งแรก 7-14 วัน
วิธีการเก็บน้ำเหลืองจากหลอดเลือดดำ
เจาะเลือดจากหลอดเลือดดำโดยวิธีการปลอดเชื้อ ประมาณ 3 - 5 มล. ใส่หลอดแก้วที่ปลอดเชื้อปั่นแยกเฉพาะน้ำเหลืองใส่ในหลอดที่ปลอดเชื้อปิดจุกและพันด้วยพาราฟิล์มหรือเทปให้แน่น ปิดฉลากเขียนชื่อนามสกุลผู้ป่วย วันที่เจาะเก็บเลือด และระบุการตรวจทางน้ำเหลืองวิทยาที่ต้องการ จากนั้นเก็บน้ำเหลืองดังกล่าวไว้ ในช่องแช่แข็งของตู้เย็นรอจนได้ตัวอย่างที่ 2 แล้วจึงส่งพร้อมกัน
วิธีการเก็บตัวอย่างโดยใช้กระดาษซับเลือดมาตรฐาน
เจาะเลือดจากปลายนิ้วแตะเลือดบนกระดาษซับเลือดส่วน ก. หรือถ้าเจาะเลือดเพื่อการอื่นอยู่แล้วก็หยดเลือดลงบนกระดาษส่วน ก. ให้เลือดซึมจนชุ่มทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ทิ้งไว้ให้แห้งที่อุณหภูมิห้อง ก
กระดาษที่ซับเลือดแล้วอย่าให้ถูกแดด หรือเก็บในที่ร้อน และไม่ควรเก็บไว้นานเกิน 1 เดือน
ข้อจำกัดในการเก็บตัวอย่างด้วยกระดาษซับเลือดมาตรฐาน
1.กระดาษซับเลือดมีราคาสูง (ประมาณ 10 บาท/แผ่น)
2.การเก็บกระดาษที่ซับแล้วไว้นานเกิน 1 เดือน จะมีผลให้ปริมาณแอนติบอดีลดลง ซึ่งอาจทำให้ผลการตรวจผิดพลาดได้ นอกจากนี้ยังไม่สามารถสกัดเลือดที่ถูกซับในกระดาษออกมาได้
3.ไม่สามารถตรวจซ้ำได้ในรายงานที่ให้ผลกำกวม เนื่องจากน้ำเหลืองที่สกัดจากระดาษซับเลือดมีปริมาณน้อย
ข้อแนะนำ ควรส่งตัวอย่างตรวจเป็นน้ำเหลือง เพื่อผลการตรวจที่ถูกต้อง เป็นประโยชน์ต่อแพทย์และผู้ป่วย
วิธีการนำส่งตัวอย่าง
1) ตัวอย่างน้ำเหลือง
การส่งมาที่ห้องปฏิบัติการให้นำหลอดตัวอย่างใส่ถุงพลาสติกแยกเป็นรายๆ รัดยางให้แน่น แช่ในกระติกน้ำแข็ง ส่งพร้อมแบบส่งตัวอย่างนำไปส่งที่ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข หรือส่งตัวอย่างทางไปรษณีย์ด่วนพิเศษ
2) ตัวอย่างที่เก็บโดยใช้กระดาษซับเลือดมาตรฐาน
กลัดติดกับใบประวัติ ส่งไปที่สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข

ไข้หวัดเม็กซิโก

ไข้หวัดหมูหรือไข้หวัดเม็กซิโก

ไข้หวัดหมู หรือ ไข้หวัดใหญ่ชนิดเอ สายพันธุ์ H1N1 เอชวันเอ็นวัน นับเป็นเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ที่ไม่เคยพบมาก่อน ผลการวิเคราะห์ทางพันธุกรรมชี้ว่า เชื้อหวัดใหญ่ชนิดนี้เป็นส่วนผสมของไวรัสจากหมู มนุษย์ และสัตว์ปีก ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่อยู่ในวัย 25-45 นับเป็นสัญญาณที่น่าวิตกว่าอาจเป็นโรคระบาด
ดร.แนนซี่ ค็อกซ์ หัวหน้าฝ่ายวิจัยไข้หวัดใหญ่ ศูนย์ควบคุมโรค สหรัฐ แถลงว่า ไวรัสไข้หวัดหมูสายพันธุ์ใหม่มีลักษณะพันธุกรรม หรือ ยีน แตกต่างจากไวรัสไข้หวัดหมูในอดีต เพราะมีองค์ประกอบของเชื้อไข้หวัดใหญ่ 3 สายพันธุ์รวมอยู่ด้วยกัน ประกอบด้วย


1.เชื้อไข้หวัดนกที่พบในทวีปอเมริกาเหนือ
2.เชื้อไข้หวัดใหญ่ในมนุษย์
3.เชื้อไข้หวัดหมู

ที่พบบ่อยในทวีปยุโรปและเอเชีย ผู้ติดเชื้อจะมีอาการคล้ายกับผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ เช่น ไข้ขึ้นสูง ติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ คลื่นไส้อาเจียน ท้องร่วง และปวดศีรษะรุนแรง
ดร.แนนซี่กล่าวต่อว่า สันนิษฐานเบื้องต้นว่า เชื้อไข้หวัดหมูพันธุ์ใหม่เกิดขึ้นจากกระบวนการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรม หรือ "Antigenetic Shift" ซึ่งเชื้อไวรัสไข้หวัดนก ไข้หวัดหมู และไข้หวัดใหญ่ อาจเข้าไปอยู่ในตัวหมูที่เป็นพาหะนำโรค ต่อมาเซลล์ในตัวหมูถูกไวรัสตั้งแต่ 2 ชนิดขึ้นไปโจมตี ทำให้หน่วยพันธุกรรมไวรัสดังกล่าวผสมปนเปกันระหว่างการแบ่งตัว กลายเป็นเชื้อพันธุ์ใหม่ขึ้นมา ตามปกติเชื้อ
ไข้หวัดหมูจะติดคนที่สัมผัสหมูโดยตรงเท่านั้น เช่น ผู้ที่ทำงานในโรงฆ่าหมู แต่เชื่อว่าอาจแพร่จากคนสู่คนผ่านการไอ การจาม หรือรับเชื้อจากวัสดุที่มีเชื้อโรคเกาะอยู่บนพื้นผิว แต่การบริโภคผลิตภัณฑ์จากหมูไม่มีอันตรายแต่อย่างใด

น.พ.คำนวณ อึ้งชูศักดิ์ ผอ.สำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดหมูในเม็กซิโกว่า มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ กรมควบคุมโรค ติดตามและเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดแล้ว โดยในเวลาประมาณเที่ยงคืนของวันที่ 25 เม.ย. จะประชุมร่วมกับเจ้าหน้าที่องค์การอนามัยโลก เพื่อติดตามว่าจะประกาศแจ้งเตือนความรุนแรงของโรคนี้อย่างไรบ้าง รวมทั้งจะต้องแจ้งเตือนผู้ที่จะเดินทางไปยังประเทศที่มีการแพร่ระบาดอยู่หรือไม่ เท่าที่รับทราบข้อมูลในเบื้องต้นพบว่า ขณะนี้แพร่ระบาดอยู่เพียงในเม็กซิโกและสหรัฐอเมริกา ในรัฐแคลิฟอร์เนีย และเท็กซัส
น.พ.คำนวณกล่าวต่อว่า ผู้ที่เป็น
โรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์หมู จะมีอาการเหมือนไข้หวัดใหญ่ธรรมดา แต่จะแสดงอาการรุนแรง และรวดเร็วกว่าไข้หวัดใหญ่ธรรมดา โรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์หมู แม้จะมีเชื้อตั้งต้นมาจากหมู แต่ระยะแพร่ระบาดติดต่อจากคนสู่คน แตกต่างจากไข้หวัดนก ซึ่งติดต่อจากสัตว์ปีกสู่คนได้ จากข้อมูลเบื้องต้นพบว่า ผู้ได้รับเชื้อไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์หมู มีอัตราเสียชีวิตร้อยละ 5-7 ถือว่าสูงกว่าผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่ธรรมดา แต่ยังน้อยกว่าอัตราของผู้เสียชีวิตของผู้ป่วยโรคไข้หวัดนก ที่ผู้รับเชื้อจะมีอัตราการเสียชีวิตถึงร้อยละ 60

ผอ.สำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กล่าวอีกว่า ขอย้ำว่าโรคนี้แม้เป็นสายพันธุ์หมู แต่ไม่เกี่ยวกับหมู ดังนั้นไม่อยากให้คนไทยแตกตื่น และกลัวการสัมผัส หรือรับประทานหมู เพราะเมื่อได้ยินว่าเป็นไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์หมู อาจทำให้กลัว ไม่กล้ากิน และไม่กล้าสัมผัสหมู

การแพร่เชื้อ
มีการแพร่ติดต่อเช่นเดียวกับโรคไข้หวัดใหญ่ในคน
1.แพร่ไปยังผู้อื่นโดยการไอ หรือจามรดกัน (เชื้อจะอยู่ในเสมหะ น้ำมูก น้ำลาย )
2. ติดจากมือและสิ่งของที่มีเชื้อปนเปื้อนอยู่ และเชื้อจะเข้าสู่ร่างกายทางจมูกและตา หากนำมือที่มีเชื้อไปสัมผัส

อาการโรคไข้หวัดหมู
- มีไข้สูง
- หายใจไม่สะดวก
- ปวดศีรษะ ปวดตา
- ปวดเมื่อยตามร่างกายรุนแรง
- อาการป่วยจะพัฒนารวดเร็วและจะมีอาการหายใจลำบากอย่างรุนแรงภายใน 5 วัน

การป้องกันเบื้องต้น
สำหรับคำแนะนำในการป้องกันเบื้องต้น เหมือนการป้องกันไข้หวัดธรรมดา คือ
1. เมื่อเป็นหวัดเวลาจามจะต้องใช้ผ้าเช็ดหน้าปิด เพื่อป้องกันการติดต่อ
2. หมั่นล้างมือ
3. หากมีอาการรุนแรง ไข้ไม่ลดภายใน 2 วัน ควรรีบพบแพทย์ทันที โดยเฉพาะผู้ที่เดินทางกลับจากประเทศที่มีการแพร่ระบาด และที่ผ่านมาประเทศไทยยังไม่เคยมีรายงานการแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์หมู




วันเสาร์ที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

ประวัตินายกรัฐมนตรีของไทย

พระยามโนปกรณ์นิติธาดา นายกรัฐมนตรีคนที่ 1

ประวัติ
ชื่อเดิมว่า "ก้อน หุตะสิงห์"
เกิด วันที่ 15 กรกฎาคม 2427
ที่จังหวัดพระนคร
บุตรของนายฮวด กับ นางแก้ว หุตะสิงห์
สมรสกับคุณหญิงมโนปกรณ์นิติธาดา (นิตย์ สามเสน)
ถึงอสัญกรรม ณ ที่นั้น เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2491
รวมอายุได้ 64 ปีเศษ

การศึกษา
วัดราชบูรณะ (วัดเลียบ)
โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย
โรงเรียนอัสสัมชัญวิทยาลัย
โรงเรียนกฏหมายกระทรวงยุติธรรม(เนติบัณฑิตสยาม)
The Middle Temple(เนติบัณฑิต )ประเทศอังกฤษ

ระยะเวลาดำรงตำแหน่ง
1 รัฐบาลที่ 1 28 มิถุนายน 2475 - 9 ธันวาคม 2475
2 รัฐบาลที่ 2 10 ธันวาคม 2475 - 1 เมษายน 2476
3 รัฐบาลที่ 3 1 เมษายน 476 - 20 มิถุนายน 2476

บทบาททางการเมือง
27-28มิ.ย.2475 ได้มีมติแต่งตั้งพระยามโนปกรณ์นิติธาดาเป็นประธานคณะกรรมการ ราษฎร ซึ่งเป็นตำแหน่งสูงสุดในการบริหาร เทียบเท่ากับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในปัจจุบัน
9 ธ.ค. 2475 ลาออก
10 ธ.ค. 2475 ได้ พระยามโนปกรณ์นิติธาดาได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญอีกครั้งหนึ่ง
1 เม.ย.2476แต่งตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ โดยมีพระยามโนปกรณ์นิติธาดาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง

20 มิ.ย. 2476 พันเอก พระยาพหลพลพยุเสนาได้เข้ายึดอำนาจจากรัฐบาล พระยามโนปกรณ์นิติธาดาได้ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

ผลงานที่สำคัญ
พ.ศ. 2461 ได้รับความไว้วางพระราชหฤทัยจากพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาราชการในพระองค์

พระยาพหลพลพยุหเสนา นายกรัฐมนตรีคนที่ 2

ประวัติ
ชื่อเดิมว่า "พจน์ พหลโยธิน"
เกิดเมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2430 เวลา 03.30 น. ณ บ้านหน้าวัดบูรณะ จังหวัดพระนคร
เป็นบุตรของพันเอก พระยาพหลพลพยุหเสนา
(ถิ่น พหลโยธิน) กับ คุณหญิงจับ
สมรสกับ ท่านผู้หญิงบุญหลง พหลพลพยุหเสนา
ถึงแก่อสัญกรรมด้วยเส้นโลหิตในสมองแตก
เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2490 รวมอายุได้ 60 ปี

การศึกษา
โรงเรียนวัดจักรวรรดิ์ราชาวาส (วัดสามปลื้ม)
โรงเรียนสุขุมาลวิทยาลัย
โรงเรียนนายร้อยทหารบก
โรงเรียนนายร้อยทหารบกในเมืองโกรสลิสเตอร์ เฟล เด ประเทศเยอรมันนี
ศึกษาต่อวิชาช่างแสงที่ประเทศเดนมาร์ก เรียนได้เพียงปีเดียว

ระยะเวลาดำรงตำแหน่ง
1 รัฐบาลที่ 4 21 มิถุนายน 2476 - 16 ธันวาคม 2476
2 รัฐบาลที่ 5 16 ธันวาคม 2476 - 22 กันยายน 2477
3 รัฐบาลที่ 6 22 กันยายน 2477 - 9 สิงหาคม 2480
4 รัฐบาลที่ 7 9 สิงหาคม 2480 - 21 ธันวาคม 2480
5 รัฐบาลที่ 8 21 ธันวาคม 2480 - 11 กันยายน 2481

ประวัติการทำงาน
พ.ศ.2453 ประจำกรมทหารปืนใหญ่ที่ 4 ประเทศเยอรมัน
พ.ศ. 2457 ประจำกรมทหารปืนใหญ่ที่ 4 จังหวัดราชบุรี
พ.ศ. 2458 ผู้บังคับการกองร้อยที่ 2
พ.ศ. 2460 ผู้บังคับการกรมทหารปืนใหญ่ที่ 9 จังหวัดฉะเชิงเทรา
พ.ศ. 2461 ผู้บังคับการกรมทหารปืนใหญ่ที่ 2
พ.ศ.2469 ผู้อำนวยการแผนกโรงเรียนทหารปืนใหญ่

จ.ลพบุรี
พ.ศ. 2473 จเรทหารปืนใหญ่
วันที่ 6 พฤศจิกายน 2474 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ เลื่อนบรรดาศักดิ์เป็นพระยาพหลพลพยุเสนา
พ.ศ. 2475 ผู้บัญชาการทหารบก
พ.ศ. 2487แม่ทัพใหญ่มีอำนาจสิทธิ์ขาด บังคับบัญชาแม่ทัพบก แม่ทัพเรือ แม่ทัพอากาศ และตำรวจสนามตามกฎอัยการศึก

บทบาททางการเมือง
พ.ศ.2475ได้ร่วมกับคณะราษฎรโดยเป็นหัวหน้าคณะราษฎรทำการยึดอำนาจเปลี่ยนแปลงการปกครอง จากระบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ มาเป็นระบอบประชาธิปไตย
วันที่24มิถุนายน2476ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีสมัยที่1โดยการทำรัฐประหารรัฐบาลของ พระยามโนปกรณ์นิติธาดา
วันที่ 16 ธันวาคม 2476 ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี สมัยที่ 2
วันที่ 22 กันยายน 2477 ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี สมัยที่ 3
พ.ศ.2477 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
พ.ศ.2478 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
วันที่ 9 สิงหาคม 2480 ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี สมัยที่ 4 และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตราธิการ
วันที่ 21 ธันวาคม 2480 ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี สมัยที่ 5
พ.ศ. 2481 ยุบสภาและลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

จอมพลป.พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรีคนที่ 3

ประวัติ

ชื่อเดิม แปลก ขีดตะสังคะ
เกิดเมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2440
ณ บ้านแพ ปากคลองบางเขน อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี
เป็นบุตรของนายขีด กับนางสำอาง ขีดตะสังคะ
สมรสกับท่านผู้หญิงละเอียด (พันธุ์กระวี)
ถึงแก่อสัญกรรมด้วยโรคหัวใจวาย ณ บ้านพักที่ตำบลซากามิโอโน ซานกรุงโตเกียว เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2507 รวมอายุได้ 67 ปี

การศึกษา
โรงเรียนกลาโหมอุทิศ วัดเขมาภิรตาราม จังหวัดนนทบุรี
โรงเรียนนายร้อยทหารบก
โรงเรียนเสนาธิการ
โรงเรียนเสนาธิการทหารบก ประเทศฝรั่งเศส

ระยะเวลาดำรงตำแหน่ง
1 รัฐบาลที่ 9 16 ธันวาคม 2481 - 6 มีนาคม 2485
2 รัฐบาลที่ 10 7 มีนาคม 2485 - 1 สิงหาคม 2487
3 รัฐบาลที่ 21 8 เมษายน 2491 - 24 มิถุนายน 2492
4 รัฐบาลที่ 22 25 มิถุนายน 2492 - 29 พฤศจิกายน 2494
5 รัฐบาลที่ 23 29 พฤศจิกายน 2494 - 6 ธันวาคม 2494
6 รัฐบาลที่ 24 6 ธันวาคม 2494 - 23 มีนาคม 2495
7 รัฐบาลที่ 25 24 มีนาคม 2495 - 26 กุมภาพันธ์ 2500
8 รัฐบาลที่ 26 21 มีนาคม 2500 - 16 กันยายน 2500

ประวัติการทำงาน
พ.ศ.2462 ประจำกรมทหารบกปืนใหญ่ที่ 1 รักษาพระองค์
พ.ศ.2466 ประจำกรมยุทธศาสตร์ทหารบก
พ.ศ.2475 รองผู้บังคับการทหารปืนใหญ่
พ.ศ.2476 รองผู้บัญชาการทหารบก และรองผู้บังคับการมณฑลทหารราบที่ 1
พ.ศ.2483 ผู้บัญชาการทหารบก
พ.ศ.2483 ผู้บัญชาการหารสูงสุดและแม่ทัพบก
พ.ศ.2490 ผู้บัญชาการทหารแห่งประเทศไทย

บทบาททางการเมือง
พ.ศ. 2476 สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ประเภท 2
พ.ศ. 2477 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
พ.ศ. 2481 นายกรัฐมนตรีสมัยที่ 1 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
พ.ศ. 2482 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
พ.ศ. 2484 ญี่ปุ่นยกพลขึ้นบกในประเทศไทย จอมพล แปลก พิบูลสงคราม ให้ญี่ปุ่นเดินทัพผ่านไทย และในที่สุดได้ทำสัญญาพันธมิตรทางการทหารและเศรษฐกิจกับญี่ปุ่น ซึ่งเป็นผลให้ภายหลังเมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 เสร็จสิ้นลง จอมพลแปลก พิบูลสงคราม จึงต้องตกเป็นผู้ต้องหาอาชญากรสงคราม และถูกจับกุมขังเป็นเวลาหลายเดือน
พ.ศ. 2485 นายกรัฐมนตรีสมัยที่ 2 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
พ.ศ .2491 นายกรัฐมนตรีสมัยที่ 3 และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
พ.ศ. 2492 นายกรัฐมนตรีสมัยที่ 4 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
พ.ศ. 2494 นายกรัฐมนตรีสมัยที่ 5
พ.ศ. 2494 นายกรัฐมนตรีสมัยที่ 6
พ.ศ. 2495 นายกรัฐมนตรีสมัยที่ 7 และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม
พ.ศ. 2497 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐการ
พ.ศ. 2498 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
พ.ศ. 2500 นายกรัฐมนตรีสมัยที่ 8

ผลงานที่สำคัญ
นโยบายสร้างชาติและการปลูกฝังความรู้สึกชาตินิยมให้แก่ประชาชนอย่างมากมาย เช่น การเปลี่ยนชื่อประเทศสยามมาเป็นประเทศไทย การเรียกร้องดินแดนทางด้านอินโดจีนคืนจากฝรั่งเศส การปลูกฝังความนิยมไทย และการเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมไทยบางอย่าง เช่น การให้สตรีเลิกนุ่งโจงกระเบนแล้วหันมาสวมกระโปรงแทนการให้ประชาชนเลิกกินหมากพลู การตั้งชื่อผู้ชายให้มีลักษณะเข้มแข็ง ผู้หญิงให้แสดงถึงความอ่อนหวาน
การส่งเสริมการศึกษาวิชาการแก่ประชาชน โดยเฉพาะได้จัดตั้งมหาวิทยาลัยเฉพาะวิชา เช่น มหาวิทยาลัยแพทย์ศาสตร์ (มหิดล) มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และมหาวิทยาลัยศิลปากร เป็นต้น

นายควง อภัยวงศ์ นายกรัฐมนตรีคนที่ 4

ประวัติ
เกิดเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2445
ณ เมืองพระตะบอง ประเทศเขมร
(ขณะนั้นเป็นจังหวัดหนึ่งในมณฑลบูรพาของไทย) เป็นบุตรของเจ้าพระยาอภัยภูเบศร์ (ชุ่ม อภัยวงศ์)
ผู้สำเร็จราชการจังหวัดพระตะบอง กับคุณหญิงรอด สมรสกับคุณหญิงเลขา อภัยวงศ์
ถึงแก่อสัญกรรมเมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2511 รวมอายุได้ 66 ปี

การศึกษา
เริ่มศึกษาหนังสือกับขุนอุทัยราชภักดี
โรงเรียนเทพศิรินทร์
โรงเรียนอัสสัมชัญ
ศึกษาต่อวิชาวิศวกรรมโยธาที่เอกอล ซังตรัล เดอ ลียอง ประเทศฝรั่งเศส

ระยะเวลาดำรงตำแหน่ง
1 รัฐบาลที่ 11 1 สิงหาคม 2487 - 31 สิงหาคม 2488
2 รัฐบาลที่ 14 31 มกราคม 2489 - 24 มีนาคม 2489
3 รัฐบาลที่ 19 10 พฤศจิกายน 2490 - 6 กุมภาพันธ์ 2491
4 รัฐบาลที่ 20 21 กุมภาพันธ์ 2491 - 8 เมษายน 2491

ประวัติการทำงาน
รับราชการเป็นนายช่างผู้ช่วยโท แผนกกองช่างโทรเลข กรมไปรษณีย์โทรเลข จนได้ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมไปรษณีย์โทรเลข พ.ศ. 2484 ได้รับพระราชทานยศพันตรี และได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็นหลวงโกวิทอภัยวงศ์ แต่ได้ลาออกจากบรรดาศักดิ์เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2484

บทบาททางการเมือง
พ.ศ. 2487 ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ในรัฐบาลของพระยาพหลพลพยุหเสนา และจอมพลแปลก พิบูลสงคราม
วันที่ 1 สิงหาคม 2487 เข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและลาออก หลังจากที่สภาผู้แทนราษฎร ไม่ผ่านร่างพระราชบัญญัติกำหนดระเบียบบริหารนครบาลเพชรบูรณ์ และพระราชกำหนด จัดสร้างพุทธมณฑลของรัฐบาลจอมพล แปลก พิบูลสงคราม
พ.ศ. 2489 ร่วมจัดตั้งพรรคประชาธิปัตย์ และดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคคนแรก
วันที่ 6 มกราคม 2489 ได้เข้าดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง เมื่อพรรคประชาธิปัตย์ ได้รับเสียงข้างมากในสภา
พ.ศ. 2491 คณะนายทหารบังคับให้ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เพื่อให้ จอมพล แปลก พิบูลสงคราม เข้ามาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

ผลงานที่สำคัญ
การประกาศสันติภาพ โดยก่อนหน้านั้นรัฐบาลชุดก่อนมีความจำเป็นต้องประกาศสงคราม กับสหรัฐอเมริกาและอังกฤษ ครั้นเมื่อท่านดำรงตำแหน่งก็ได้ประกาศให้การประกาศ สงครามดังกล่าวเป็นโมฆะไม่ผูกพันประชาชนชาวไทย ทำให้สัมพันธภาพของประเทศไทย กับเหล่าพันธมิตรดีขึ้น

นายทวี บุณยเกตุ นายกรัฐมนตรีคนที่ 5

ประวัติ
เกิดเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2447 เวลา 13.20 น. จังหวัดพระนคร
เป็นบุตรของพระยารณชัยชาญยุทธ์ (ถนอม บุณยเกตุ) กับคุณหญิงรณชัยชาญยุทธ์ (ทับทิม)
สมรสกับคุณหญิงอำภาศรี บุณยเกตุ
ถึงแก่อสัญกรรมเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2514 รวมอายุได้ 67 ปี

การศึกษา
โรงเรียนเบญจมราชูทิศ จังหวัดจันทบุรี
โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย
โรงเรียนราชวิทยาลัย
คิงส์คอลเลจ ประเทศอังกฤษ
ศึกษาต่อด้านวิชากสิกรรม ที่มหาวิทยาลัยกรีนยอง ประเทศฝรั่งเศส

ระยะเวลาดำรงตำแหน่ง
1 รัฐบาลที่ 12 31 สิงหาคม 2488 - 17 กันยายน 2488

ประวัติการทำงาน
พ.ศ. 2475 ได้เข้ารับราชการเป็นข้าราชการบำรุงพันธุ์สัตว์ชั้น 2 กรมเพาะปลูก กระทรวงเกษตราธิการ

บทบาททางการเมือง
พ.ศ. 2475 เข้าร่วมกับคณะราษฎรทำการเปลี่ยนแปลงการปกครอง และได้รับแต่งตั้งเป็นเลขาธิการคณะรัฐมนตรี(รัฐบาลของ จอมพล แปลก พิบูลสงคราม)
ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ(สมัยรัฐบาลของพันตรี ควง อภัยวงศ์)
วันที่ 31 สิงหาคม 2488 ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
หลังจากสงครามครั้งที่ 2 จึงลาออก ระยะเวลาในการบริหารประเทศของท่านจึงสั้นเพียง 17 วัน
ได้เข้าดำรงตำแหน่งในสภาร่างรัฐธรรมนูญในสมัยรัฐบาลของจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ โดยทำหน้าที่เป็นประธานสภา

ผลงานที่สำคัญ
การต้อนรับคณะนายทหารฝ่ายสัมพันธมิตรที่เดินทางเข้ามาสำรวจความเสียหาย ในประเทศไทย

หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช นายกรัฐมนตรีคนที่ 6

ประวัติ
เกิดเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2448 เวลา 04.00 น.
เป็นโอรสในพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าคำรบ กับหม่อมแดง (บุนนาค)
สมรสกับท่านผู้หญิงอุศนา ปราโมช
ถึงแก่อสัญญากรรม 28 กรกฏาคม 2540 รวมอายุ 92 ปี

การศึกษา
โรงเรียนราชินี
โรงเรียนอัสสัมชัญ
โรงเรียนเทพศิรินทร์
โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย
โรงเรียนเทร้นท์ ประเทศอังกฤษ
วูซเตอร์ คอลเลจ มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด ได้รับปริญญาตรีด้านกฏหมาย เกียรตินิยมอันดับ 2
ศึกษาต่อที่สำนักเนติบัณฑิตอังกฤษ ณ สำนักเกรย์อินน์ ลอนดอน สอบไล่เนติบัณฑิตอังกฤษได้คะแนนยอดเยี่ยม ชั้น 1 จึงได้รับพระราชทานรางวัลจากพระเจ้าแผ่นดินอังกฤษ
ศึกษาวิชากฏหมายไทย ได้รับเนติบัณฑิตไทย

ระยะเวลาดำรงตำแหน่ง
สมัยที่ 1 : คณะรัฐมนตรี คณะที่ 13 : 17 กันยายน 2488 - 31 มกราคม 2489
สมัยที่ 2 : คณะรัฐมนตรี คณะที่ 36 : 15 กุมภาพันธ์ 2518 - 14 มีนาคม 2518
สมัยที่ 3 : คณะรัฐมนตรี คณะที่ 38 : 21 เมษายน 2519 - 23 กันยายน 2519
สมัยที่ 4 : คณะรัฐมนตรี คณะที่ 39 : 5 ตุลาคม 2519 - 6 ตุลาคม 2519

ประวัติการทำงาน
เข้าฝึกงานที่ศาลฎีกาเป็นเวลา 6 เดือน จึงได้เป็นผู้พิพากษา
เป็นผู้พิพากษาศาลแพ่ง
เป็นผู้ช่วยกรรมการศาลฎีกา
เป็นผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์
ได้รับแต่งตั้งให้เป็นเอกอัครราชทูตไทยประจำสหรัฐอเมริกา

บทบาททางการเมือง
พ.ศ. 2488 รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 17 กันยายน 2488
หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช หมุนเวียนดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 4 ครั้ง
วันที่ 6 ตุลาคม 2519 คณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดินเข้ายึดอำนาจ โดยการนำของ พลเรือเอก สงัด ชลออยู่ ร.น.

ผลงานที่สำคัญ
พ.ศ. 2484 เกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ญี่ปุ่นยกพลขึ้นบกเข้าสู่ประเทศไทย หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช ได้ประกาศนโยบายเป็นอิสระไม่ขึ้นกับรัฐบาลในประเทศไทย และได้รวบรวมคนไทยต่างประเทศจัดตั้งขบวนการเสรีไทยขึ้นเพื่อต่อต้านญี่ปุ่นอย่างลับ ๆ
การเจรจากับฝ่ายสัมพันธมิตร ซึ่งครั้งแรกอังกฤษได้ยื่นสัญญาให้ประเทศไทยเป็นเมืองในอาณัติของอังกฤษ แต่หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช ได้ดำเนินการเจรจาให้ไทยได้หลุดพ้นจากการเป็นเมืองในอาณัติได้
ประกาศพระราชบัญญัติอาชญากรสงคราม

นายปรีดี พนมยงค์ นายกรัฐมนตรีคนที่ 7

ประวัติ

เกิดเมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2443
ตำบลท่าวาสุกรี อำเภอกรุงเก่า จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
เป็นบุตรของนายเสียง กับ นางลูกจันทร์ พนมยงค์
สมรสกับท่านผู้หญิงพูนสุข พนมยงค์
ถึงแก่อสัญกรรมด้วยโรคหัวใจวาย ที่บ้านพักชานกรุงปารีส
เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2526 รวมอายุได้ 83 ปี

การศึกษา
พ.ศ. 2463 ศึกษาวิชากฏหมายที่ประเทศฝรั่งเศส มหาวิทยาลัยกอง (Lycee Caen)
ได้รับปริญญาทางกฏหมายและได้ "ลิซองซิเอ ทางกฏหมาย"
ได้ดุษฎีบัณฑิตทางกฏหมาย (Docteur en Droit) ฝ่ายเนติศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยปารีส
ในระหว่างศึกษาอยู่ที่ประเทศฝรั่งเศส ได้รับเลือกเป็น สภานายกแห่งสมาคมนักเรียนไทยในประเทศฝรั่งเศส

ระยะเวลาดำรงตำแหน่ง
สมัยที่ 1 : คณะรัฐมนตรี คณะที่่ 15 : 24 มีนาคม 2489 - 8 มิถุนายน 2489
สมัยที่ 2 : คณะรัฐมนตรี คณะที่ี่ 16 : 11 มิถุนายน 2489 - 21 สิงหาคม 2489

ประวัติการทำงาน
พ.ศ. 2469 เข้ารับราชการเป็นผู้พิพากษาในกระทรวงยุติธรรม
เลขานุการกรมร่างกฏหมาย
อาจารย์สอนกฏหมายปกครองในโรงเรียนกฏหมาย
ได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์อำมาตย์ตรีหลวงประดิษฐ์มนูธรรม
พ.ศ. 2472 เป็นบุคคลสำคัญในการก่อการเปลี่ยนแปลงการปกครอง
พ.ศ. 2475 ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ร่างรัฐธรรมนูญชั่วคราว
ได้ก่อตั้งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และการเมืองและดำรงตำแหน่งผู้ประศาสน์การของมหาวิทยาลัยแห่งนี้เป็นคนแรก

บทบาททางการเมือง
พ.ศ. 2476 เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยในรัฐบาลของพันเอก พระยาพหลพลพยุหเสนา
พ.ศ. 2484 ในขณะที่เกิดสงครามมหาเอเชียบูรพา และได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้สำเร็จราชการ แทนพระองค์ พ.ศ. 2489 เข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 7
วันที่ 21 สิงหาคม 2489 ลาออกจากตำแหน่ง

ผลงานที่สำคัญ
ได้ก่อตั้งขบวนการเสรีไทยในประเทศ ติดต่อประสานงานกับขบวนการเสรีไทยในประเทศ ติดต่อประสานงานกับขบวนการเสรีไทยภายนอกประเทศ ภายใต้การนำของหม่อมราชวงศ์ เสนีย์ ปราโมช จนกระทั่งสงครามสิ้นสุดลง ได้รับแต่งตั้งให้เป็นรัฐบุรุษอาวุโส และร่วมกับรัฐบาลหม่อม ราชวงศ์ เสนีย์ ปราโมช
ดำเนินการประกาศว่า การที่รัฐบาลไทยประกาศสงครามกับอเมริกาและอังกฤษเป็นโมฆะ
ได้หาทางผ่อนคลายสัญญาสมบูรณ์แบบที่ผูกมัดไทย เนื่องจากผลของการแพ้สงคราม

พลเรือตรี ถวัลย์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีคนที่ 8

ประวัติ
เกิดเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2444 ที่ตำบลหัวรอ อำเภอรอบกรุง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นบุตรของนายอู๋ กับ นางเงิน ธารีสวัสดิ์ ถึงแก่อสัญกรรมเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2531 รวมอายุ ได้ 87 ปี

การศึกษา
โรงเรียนมัธยมวัดเทพศิรินทร์
โรงเรียนนายเรือ กรุงเทพ
ศึกษาวิชากฏหมายจนสำเร็จได้เป็นเนติบัณฑิตไทย

ระยะเวลาดำรงตำแหน่ง
สมัยที่ 1 : คณะรัฐมนตรี คณะที่ 17 : 23 สิงหาคม 2489 - 30 พฤษภาคม 2490
สมัยที่ 2 : คณะรัฐมนตรี คณะที่ 18 : 30 พฤษภาคม 2490 - 8 พฤศจิกายน 2490

ประวัติการทำงาน
รับราชการอยู่ในกองทัพเรือได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์ และราชทินนามเป็นหลวงธำรงนาวาสวัสดิ

บทบาททางการเมือง
พ.ศ. 2475 ได้เข้าร่วมในการเปลี่ยนแปลงการปกครอง
พ.ศ.2476 เป็นสมาชิกสภาผู้แทนประเภท 2 และได้เข้าร่วมในคณะรัฐมนตรีครั้งแรกในสมัยรัฐบาลของพันเอก พระยาพหลพลหยุหเสนา
พ.ศ. 2479-2481 เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในสมัยรัฐบาลของนายปรีดี พนมยงค์
พ.ศ. 2489 ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อจากนายปรีดี พนมยงค์ เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2489
พ.ศ. 2490 เกิดการรัฐประหาร โดยการนำของจอมพล ผิน ชุณหะวัณ และพันเอกกาจ กาจสงคราม

ผลงานที่สำคัญ
แก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของประเทศที่กำลังทรุดหนัก ด้วยการจัดตั้ง "องค์การสรรพาหาร" ขึ้น โดยการซื้อของแพงมาขายถูกให้แก่ประชาชน เพื่อตรึงราคาสินค้าไม่ให้สูง
เรียกเก็บธนบัตรที่ฝ่ายสัมพันธมิตรนำเข้ามาใช้จ่ายจากประชาชนด้วยการออกบัตรใหม่ ให้แลก รวมทั้งนำเอาทองคำซึ่งเป็นทุนสำรองของชาติออกขายแก่ประชาชน

นายพจน์ สารสิน นายกรัฐมนตรีคนที่ 9

ประวัติ

เกิดเมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2448
ที่บ้านพักถนนสุรศักดิ์ กรุงเทพมหานคร
เป็นบุตรของพระยาสารสินสวามิภักดิ์ (เทียนฮี้) กับคุณหญิงสุ่น
สมรสกับคุณหญิงศิริ สารสิน
ถึงแก่อสัญกรรม เมื่อวันที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๔๓ สิริรวมอายุได้ ๙๕ ปี

การศึกษา
ศึกษาที่สหรัฐอเมริกาตั้งแต่วัยเยาว์
ศึกษาวิชากฏหมายในประเทศไทย จนสอบได้เป็นเนติบัณฑิต
ศึกษาวิชากฏหมายในประเทศอังกฤษ

ระยะเวลาดำรงตำแหน่ง
สมัยที่ 1 : คณะรัฐมนตรี คณะที่ 27 : 21 กันยายน 2500 - 26 ธันวาคม 2500

ประวัติการทำงาน
พ.ศ. 2495-2500 ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตไทย ประจำสหรัฐอเมริกา
ผู้แทนของประเทศไทยประจำองค์การสหประชาชาติ
พ.ศ. 2500 ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการองค์การสนธิสัญญาป้องกันร่วมกัน แห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ส.ป.อ.)

บทบาททางการเมือง
พ.ศ. 2490 เป็นสมาชิกวุฒิสภา
พ.ศ. 2491 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
วันที่ 21 กันยายน 2500 ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี หลังจากการทำ รัฐประหารของจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์
วันที่ 26 ธันวาคม 2500 ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี หลังจากที่ได้ดำเนินการ จัดการเลือกตั้งเสร็จเรียบร้อยแล้ว

ผลงานที่สำคัญ
จัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรให้บริสุทธิ์ และยุติธรรมอันเป็นสิ่งที่ ประชาชนเรียกร้อง

จอมพล ถนอม กิตติขจร นายกรัฐมนตรีคนที่ 10

ประวัติ
เกิดวันที่ 11 สิงหาคม 2454
ที่บ้านหนองหลวง อ.เมือง จ.ตาก
เป็นบุตร ขุนโสภิตบรรณลักษณ์(อำพัน กิตติขจร)
กับนางลิ้นจี่ กิตติขจร
สมรสกับท่านผู้หญิงจงกล กิตติขจร
ปัจจุบันท่านพำนักอยู่ที่บ้านพักในกรุงเทพมหานคร และได้ยุติบทบาททางการเมือง
ถึงแก่อสัญกรรมเมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2547 ที่ โรงพยาบาลกรุงเทพ รวมอายุได้ 93 ปี

การศึกษา
โรงเรียนประชาบาลวัดโคกพลู จังหวัดตาก
โรงเรียนนายร้อยทหารบก
โรงเรียนแผนที่ทหาร กองทัพบก
โรงเรียนทหารราบ กองทัพบก
วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (รุ่นที่ 1)

ระยะเวลาดำรงตำแหน่ง
สมัยที่ 1 : คณะรัฐมนตรี คณะที่ 28 : 1 มกราคม 2501 - 20 ตุลาคม 2501
สมัยที่ 2 : คณะรัฐมนตรี คณะที่ 30 : 9 ธันวาคม 2506 - 7 มีนาคม 2512
สมัยที่ 3 : คณะรัฐมนตรี คณะที่ 31 : 7 มีนาคม 2512 - 17 พฤศจิกายน 2514
สมัยที่ 4 : คณะรัฐมนตรี คณะที่ 32 : 18 พฤศจิกายน 2514 -17 ธันวาคม 2515
สมัยที่ 5 : คณะรัฐมนตรี คณะที่ 33 : 18 ธันวาคม 2515 - 14 ตุลาคม 2516

ประวัติการทำงาน
พ.ศ 2477 ประจำแผนกโครงหลักฐาน กรมแผนที่ทหาร
พ.ศ. 2490 ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 21
พ.ศ. 2491 ตำแหน่งผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 11
พ.ศ. 2492 ตำแหน่งรองผู้บัญชาการกองพลที่ 1
พ.ศ. 2493 ผู้บัญชาการกองพลที่ 1 ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 1 และผู้บังคับการจังหวัดทหารบกกรุงเทพฯ
พ.ศ. 2494 รองแม่ทัพ กองทัพที่ 1
พ.ศ. 2497 แม่ทัพกองทัพที่ 1 และผู้บัญชาการภาคทหารบกที่ 1
พ.ศ. 2500 ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก
พ.ศ. 2502 รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด
พ.ศ. 2506 ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการทหารบก

บทบาททางการเมือง
พ.ศ.2494 สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ประเภทที่ 2
พ.ศ. 2498 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสหกรณ์
พ.ศ. 2500 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม[รัฐบาลของจอมพล แปลก พิบูลสงคราม]
พ.ศ.2500 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม[รัฐบาลของนายพจน์ สารสิน]
พ.ศ. 2501 ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
20 ตุลาคม 2501 ลาออกจากตำแหน่ง
พ.ศ 2506 ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง
พ.ศ. 2514 ได้ทำรัฐประหารรัฐบาลของตนเอง และได้จัดตั้งสภาบริหารคณะปฏิวัติ
พ.ศ. 2515 สภานิติบัญญัติแห่งชาติตามธรรมนูญการปกครอง ได้มีมติให้จอมพล ถนอม กิตติขจร เข้าดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไป
14 ตุลาคม พ.ศ. 2516 ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี อันเนื่องมาจากเหตุการณ์เรียกร้องรัฐธรรมนูญของกลุ่มนิสิตนักศึกษา

ผลงานที่สำคัญ
บริหารประเทศได้สร้างทางหลวงสายต่าง ๆ ทั่วประเทศหลายสาย
สร้างเขื่อน อาทิ เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนอุบลรัตน์
ได้ทำการปรับปรุงกองทัพให้ทันสมัยทัดเทียมกับนานาประเทศ
ได้ส่งทหารไปร่วมรบในสงครามเวียดนามด้วย
ประกาศใช้ธรรมนูญการปกครองแห่งราชอาณาจักร

จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ นายกรัฐมนตรีคนที่ 11

ประวัติ

เกิดเมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2451
บ้านปากคลองตลาด ต.พาหุรัด กรุงเทพฯ
เป็นบุตรของ พันตรี หลวงเรืองเดชอนันต์ - นางจันทิพย์ ธนะรัชต์
สมรสกับท่านผู้หญิงวิจิตรา ธนะรัชต์
ถึงแก่อสัญกรรมเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2506 ที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า รวมอายุได้ 55 ปี

การศึกษา
โรงเรียนประจำจังหวัดมุกดาหาร
โรงเรียนวัดมหรรณพาราม
โรงเรียนทหารราบพระนคร
โรงเรียนนายร้อยทหารบก
ระยะเวลาดำรงตำแหน่ง:
รัฐบาลที่ 29 9 กุมภาพันธ์ 2502 - 8 ธันวาคม 2506

ประวัติการทำงาน
พ.ศ. 2475 ประจำกองทัพทหารราบที่ 4
พ.ศ. 2481 ผู้บังคับกองร้อยปืนใหญ่ทหารราบ ลพบุรี
พ.ศ. 2484 ผู้บังคับกองโรงเรียนนายสิบ ทหารราบ ลพบุรี
พ.ศ. 2487 ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 13 และผู้บังคับการจังหวัดทหารราบลำปาง
พ.ศ. 2489 ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์
พ.ศ. 2491 ผู้บัญชาการกองพลที่ 1
พ.ศ. 2493 แม่ทัพกองทัพที่ 1 และผู้บัญชาการภาคทหารบกที่ 1
พ.ศ. 2497 ผู้บัญชาการทหารบก
พ.ศ. 2500 ผู้บัญชาการทหารสูงสุด
พ.ศ. 2502 ผู้รักษาการในตำแหน่งอธิบดีกรมตำรวจ

บทบาททางการเมือง
พ.ศ. 2494 - 2495 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม
พ.ศ. 2500 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พ.ศ. 2502 เข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี หลังจาก การทำรัฐประหารรัฐบาลของ จอมพล ถนอม กิตติขจร
พ.ศ. 2506 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาการแห่งชาติและดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี จนถึงแก่อสัญกรรม

ผลงานที่สำคัญ
การปรับปรุงการบริหารและการพัฒนาประเทศไว้มากมาย
การออกกฏหมายเลิกการเสพและจำหน่ายฝิ่นโดยเด็ดขาด
กฏหมายปราบปรามพวกนักเลง อันธพาล
กฏหมายปรามการค้าประเวณี
การวางแผนพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ

สัญญา ธรรมศักดิ์ นายกรัฐมนตรีคนที่ 12

ประวัติ
เกิดเมื่อวันที่ 5 เมษายน 2450
ที่บ้านข้างวัดอรุณราชวราราม บางกอกใหญ่ ธนบุรี
เป็นบุตรของมหาอำมาตย์พระยาธรรมสารเวทย์วิเศษภักดี
ทองดี ธรรมศักดิ์) กับคุณหญิงชื้น ธรรมศักดิ์
สมรสกับท่านผู้หญิงพงา ธรรมศักดิ์
ถึงแก่อสัญกรรม วันที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2545

การศึกษา
โรงเรียนอัสสัมชัญบางรัก
โรงเรียนปทุมคงคา
พ.ศ. 2471 โรงเรียนกฎหมายกระทรวงยุติธรรม จนสำเร็จเนติบัญฑิตไทย
พ.ศ. 2475 ศึกษาวิชากฎหมายต่อที่สำนัก Middle Temple ประเทศอังกฤษ จนสำเร็จเนติบัณฑิตอังกฤษ
พ.ศ. 2498 วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร

ระยะเวลาดำรงตำแหน่ง
รัฐบาลที่ 34 15 ตุลาคม 2516 - 22 พฤษภาคม 2517
รัฐบาลที่ 35 27 พฤษภาคม 2517- 26 มกราคม 2518

ประวัติการทำงาน
พ.ศ. 2478 ผู้พิพากษาศาลจังหวัดอยุธยา
พ.ศ. 2478 ผู้พิพากษาผู้ช่วยศาลฎีกา
พ.ศ. 2491 ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์
พ.ศ. 2494 ข้าหลวงยุติธรรมภาค 4 (จังหวัดเชียงใหม่)
พ.ศ. 2496 ปลัดกระทรวงยุติธรรม
พ.ศ. 2501 ผู้พิพากษาศาลฎีกา
พ.ศ. 2505 อธิบดีผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์
พ.ศ. 2506 ประธานศาลฎีกา
พ.ศ. 2511 - 2516 และ 26 มีนาคม 2518 - 4 ธันวาคม 2518 องคมนตรี
พ.ศ. 2511 คณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
พ.ศ. 2514 อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
5 ธันวาคม 2518 - 3 กันยายน 2541 ประธานองคมนตรี

บทบาททางการเมือง
14 ตุลาคม 2516 มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ
ให้นายสัญญา ธรรมศักดิ์ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
22 พฤษภาคม 2517 ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
26 มกราคม 2518 คณะรัฐบาลของนายสัญญา ธรรมศักดิ์ ได้สิ้นสุดลง

ผลงานที่สำคัญ
จัดให้มีสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ร่างรัฐธรรมนูญจนเสร็จสิ้น

เครื่องราชอิสริยาภรณ์
พ.ศ. 2489 ตริตาภรณ์มงกุฎไทย (ต.ม.)
พ.ศ. 2484 ตริตาภรณ์ช้างเผือก (ต.ช.)
พ.ศ. 2491 ทวีติยาภรณ์มงกุฎไทย (ท.ม.)
พ.ศ. 2497 เหรียญรัตนาภรณ์ (ภ.ป.ร. 3)
พ.ศ. 2497 ประถมาภรณ์มงกุฎไทย (ป.ม.)
พ.ศ. 2499 ประถมาภรณ์ช้างเผือก (ป.ช.)
พ.ศ. 2500 ทุติยจุลจอมเกล้า (ท.จ.)
พ.ศ. 2502 มหาวชิรมงกุฎ (ม.ว.ม.)
พ.ศ. 2504 มหาปรมาภรณ์ช้างเผือก (ม.ป.ช.)
พ.ศ. 2505 ทุติยจุลจอมเกล้าวิเศษ (ท.จ.ว.)
พ.ศ. 2511 ปฐมจุลจอมเกล้า (ป.จ.)
พ.ศ. 2512 เหรียญดุษฎีมาลา เข็มศิลปวิทยา (ร.ด.ม.(ศ).)
พ.ศ. 2514 เหรียญรัตนาภรณ์ (ภ.ป.ร. 1)
พ.ศ. 2539 นพรัตน์ราชวราภรณ์

หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช นายกรัฐมนตรีคนที่ 13

ประวัติ
วันเกิด 20 เมษายน 2454
ที่ จังหวัดสิงห์บุรี
สัญชาติ ไทย
ศาสนา พุทธ

การศึกษา
โรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย(วังหลัง)
โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย
โรงเรียน Trent College
ศึกษาวิชาปรัชญาเศรษฐศาสตร์และการ
เมืองที่ The Queen's College
มหาวิทยาลัยอ๊อกซฟอร์ด ประเทศอังกฤษ
สำเร็จปริญญาตรีเกียรตินิยม
ปริญญาโทจากมหาวิทยาลัยอ๊อกซฟอร์ด
ปริญญาวารสารศาสตร์ดุษฎีบัณฑิต
กิตติมศักดิ์ จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

ระยะเวลาดำรงตำแหน่ง
รัฐบาลที่ 37 : 17 มีนาคม 2518 - 12 มกราคม 2519

ประวัติการทำงาน
รับราชการที่กรมสรรพากร
เลขานุการที่ปรึกษากระทรวงการคลัง
ผู้จัดการธนาคารพาณิชย์ สาขาลำปาง
รับราชการทหาร[ เมื่อเกิดสงครามอินโดจีนและสงครามมหาเอเชียบูรพา]
หัวหน้าฝ่ายสำนักผู้ว่าการและหัวหน้าฝ่ายออกบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย
ประธานกรรมการ ธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชย์การจำกัด
เขียนบทความลงในคอลัมน์ "ซอยสวนพลู"
พ.ศ. 2531 ได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เลื่อนยศเป็นพลตรี (ทหารราชองครักษ์พิเศษ)

บทบาททางการเมือง
พ.ศ. 2488-2489 เป็นผู้ริเริ่มจัดตั้งพรรคการเมืองพรรคแรกในเมืองไทย ชื่อ "พรรคก้าวหน้า"
ได้ร่วมในคณะผู้ก่อตั้งพรรคประชาธิปัตย์
ได้ริเริ่มจัดตั้งพรรคกิจสังคม
พ.ศ. 2518 ได้จัดตั้งรัฐบาลผสมขึ้น และได้เข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
พ.ศ. 2519 ได้ตัดสินใจยุบสภาผู้แทนราษฎร บริหารประเทศประมาณ 9 เดือนเศษ

ผลงานที่สำคัญ
ได้ดำเนินการเปิดสัมพันธ์ทางการทูตกับสาธารณรัฐประชาชนจีน
โดยเดินทางไปเยือนกรุงปักกิ่ง ตามนโยบายการอยู่ร่วมกันอย่างปกติ
และเป็นมิตรกับทุกประเทศที่มีเจตนาดีต่อประเทศไทยโดยไม่คำนึงถึง
ความแตกต่างทางอุดมการณ์ทางการเมืองในด้านการพัฒนาประเทศ
เริ่มโครงการผันเงินชนบท เพื่อปรับปรุง และสร้างสิ่งสาธารณูปโภค
ที่จำเป็นในชนบทเพื่อปรับปรุงสภาพความเป็นอยู่ และสร้างงานชนบท
โดยการสร้างในงบประมาณรายจ่ายเพื่อปรับปรุงและสร้างสิ่ง
สาธารณูปโภคที่จำเป็นต่อชนบท มีผลให้ประชาชนในชนบทมีงานทำ
และมีรายได้ เป็นการยกฐานเศรษฐกิจของชาวชนบทให้ดีขึ้น
ส่งเสริมการพัฒนาสภาตำบลอย่างจริงจัง รวมทั้งจัดให้มีโครงการช่วย
เหลือ ผู้มีรายได้น้อย
ดำเนินการซื้อสัมปทานเดินรถของเอกชนรวมเป็นของรัฐบาล
ภายใต้การดำเนินงานขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ

นายธานินทร์ กรัยวิเชียร นายกรัฐมนตรีคนที่ 14

ประวัติ
วันเกิด 5 เมษายน 2470
ที่ จังหวัดกรุงเทพมหานคร
สัญชาติ ไทย
ศาสนา พุทธ

การศึกษา
โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และการเมือง
พ.ศ. 2491 ศึกษาวิชากฏหมายต่อที่ ณ
มหาวิทยาลัยลอนดอน ประเทศอังกฤษ
พ.ศ 2496 เนติบัณฑิตอังกฤษจาก สำนัก
อบรมศึกษากฏหมายของเนติบัณฑิตยสภา

ระยะเวลาดำรงตำแหน่ง
รัฐบาลที่ 40 : 8 ตุลาคม 2519-20 ตุลาคม 2520

ประวัติการทำงาน
รองประธานกรรมการมูลนิธิ ส่งเสริมศิลปาชีพในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ
รองประธานกรรมการมูลนิธิจุฬาภรณ์
รองประธานสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์
ประธานกรรมการมูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช
พ.ศ. 2520 กรรมการบริหารมูลนิธิอานันทมหิดล
กรรมการบริหารสภากาชาดไทย
กรรมการบริหารศิริราชมูลนิธิ
8 สิงหาคม 2515 ศาสตราจารย์พิเศษ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ศาสตราจารย์สอนวิชากฏหมายที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สำนักอบรมศึกษากฏหมายของเนติบัณฑิตยสภา
ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดเชียงใหม่
ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา
15 ธันวาคม 2520 องคมนตรี
พ.ศ. 2521 - 2528 กรรมการตุลาการ
กรรมการร่างกฎหมายของคณะกรรมการกฤษฎีกา
ประธานกรรมการปรับปรุงประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง

บทบาททางการเมือง
6 ตุลาคม 2519 เข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 14 ภายหลังจากที่คณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน
โดยการนำของ พล.ร.อ.สงัด ชลออยู่ ได้ทำการรัฐประหารรัฐบาลของ ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช
20 ตุลาคม 2520 คณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดินซึ่งนำโดย พล.ร.อ.สงัด ชลออยู่ ทำการรัฐประหารอีกครั้ง
นายธานินทร์ กรัยวิเชียร จึงพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

ผลงานที่สำคัญ
การสร้างโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชในท้องถิ่นทุรกันดาร 20 แห่ง
เพื่อทูลเกล้าฯ ถวายเนื่องในวโรกาสที่สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยาม
มกุฎราชกุมาร ทรงอภิเษกสมรส
การจัดให้มีโครงการอาสาพัฒนาท้องถิ่นของตนเองในฤดูแล้ง และ
โครงการอาสาปลูกป่าในฤดูฝน

เครื่องราชอิสริยาภรณ์
พ.ศ. 2499 จัตุรถาภรณ์ช้างเผือก (จ.ช.)
พ.ศ. 2504 ตริตาภรณ์มงกุฎไทย (ต.ม.)
พ.ศ. 2507 ตริตาภรณ์ช้างเผือก (ต.ช.)
พ.ศ. 2510 ทวีติยาภรณ์มงกุฎไทย (ท.ม.)
พ.ศ. 2512 ทวีติยาภรณ์ช้างเผือก (ท.ช.)
พ.ศ. 2515 ประถมาภรณ์มงกุฎไทย (ป.ม.)
พ.ศ. 2518 ประถมาภรณ์ช้างเผือก (ป.ช.)
พ.ศ. 2520 มหาวชิรมงกุฎ (ม.ว.ม.)
พ.ศ. 2521 มหาปรมาภรณ์ช้างเผือก (ม.ป.ช.)
พ.ศ. 2522 เหรียญรัตนาภรณ์ (ภ.ป.ร.)
พ.ศ. 2523 ทุติยจุลจอมเกล้าวิเศษ (ท.จ.ว.)
พ.ศ. 2537 ปฐมจุลจอมเกล้า (ป.จ.)

พลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ นายกรัฐมนตรีคนที่ 15

ประวัติ
เกิดเมื่อวันที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2460
ที่ตำบลมหาชัย อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสาคร
เป็นบุตรของนายแจ่ม กับนางเจือ ชมะนันทน์
สมรสกับคุณหญิงวิรัตน์ ชมะนันทน์
อสัญกรรม : วันที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2546

การศึกษา
โรงเรียนสมุทรสาครวิทยาลัย
โรงเรียนปทุมคงคา
โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า
โรงเรียนเสนาธิการทหารบก
โรงเรียนเสนาธิการทหารบกแห่งสหรัฐอเมริกา
วิทยาลัยกองทัพบก และวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร รุ่น 5
ระยะเวลาดำรงตำแหน่ง
รัฐบาลที่ 41 : 12 พฤศจิกายน 2520 - 29 กุมภาพันธ์ 2523

ประวัติการทำงาน
พ.ศ. 2493 ฝ่ายเสนาธิการกองทัพภาคที่ 3
พ.ศ. 2495 ผู้บังคับกองพันทหารราบ กรมผสมที่ 21
พ.ศ. 2498 อ.หัวหน้าวิชา โรงเรียนเสนาธิการทหารบก
พ.ศ. 2500 หัวหน้ากรมการวางแผนสำนักงานวางแผนทหารของสนธิสัญญาป้องกันร่วมกันแห่ง เอเซียอาคเนย์(สปอ)
พ.ศ. 2502 หัวหน้ากองการทหารของสนธิสัญญาป้องกันร่วมกันแห่งเอเซียอาคเนย์(สปอ)
พ.ศ. 2506 รองเสนาธิการ กองอำนวยการกลาง สำนักผู้บัญชาการทหารสูงสุด
พ.ศ. 2516 รองเสนาธิการทหารบก
พ.ศ. 2517 เสนาธิการทหารบก
พ.ศ. 2518 ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารสูงสุด
พ.ศ. 2520 ผู้บัญชาการทหารสูงสุด

บทบาททางการเมือง
พ.ศ. 2511 สมาชิกวุฒิสภา และคณะกรรมาธิการต่างประเทศ
พ.ศ. 2515 สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ
พ.ศ. 2520 เลขาธิการสภาที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี
พ.ศ. 2520 ทำการรัฐประหารรัฐบาลของนายธานินทร์ กรัยวิเชียร
พ.ศ. 2520 นายกรัฐมนตรีสมัยที่ 1 และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
พ.ศ. 2521 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
พ.ศ. 2522 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
พ.ศ. 2522 นายกรัฐมนตรีสมัยที่ 2
ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2523

ผลงานที่สำคัญ
การปรับปรุงสัมพันธภาพกับประเทศเพื่อนบ้านอันประกอบด้วย ประเทศเวียดนาม กัมพูชา ลาว และพม่า
ได้เดินทางไปเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนและสหภาพโซเวียตเพื่อ กระชับความสัมพันธ์ กับประเทศมหาอำนาจทั้งสอง ทำให้ไทยมีความสัมพันธ์ ทางการทูตและการค้ากับทั้งสอง ประเทศแน่นแฟ้นขึ้น
จัดตั้งการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย
จัดตั้งกระทรวงวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและการพลังงาน
จัดตั้งมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช

พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ นายกรัฐมนตรีคนที่ 16

ประวัติ

เกิดเมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2463
ที่ตำบลบ่อยาง อำเภอเมืองสงขลา จังหวัดสงขลา
เป็นบุตรคนที่ 6 ของอำมาตย์โท หลวงวินิจ ฑัณทกรรม กับนางอ๊อด ติณสูลานนท์

การศึกษา
โรงเรียนวัดบ่อยาง
โรงเรียนวชิราวุธ จังหวัดสงขลา
โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย
โรงเรียนเทคนิคทหารบก
โรงเรียนทหารม้า ศูนย์การทหารม้า
โรงเรียนยานเกราะ กองทัพบกสหรัฐอเมริกา ฟอร์ทน๊อกซ์ เคนตักกี้ สหรัฐอเมริกา
วิทยาลัยกองทัพบท
วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักรรุ่นที่ 9

ระยะเวลาดำรงตำแหน่ง
สมัยที่ 1 : คณะรัฐมนตรี คณะที่ 42 : 3 มีนาคม 2523 - 19 มีนาคม 2526
สมัยที่ 2 : คณะรัฐมนตรี คณะที่ 43 : 30 เมษายน 2526 - 4 สิงหาคม 2529
สมัยที่ 3 : คณะรัฐมนตรี คณะที่ 44 : 5 สิงหาคม 2529 - 3 สิงหาคม 2531

ประวัติการทำงาน
พ.ศ. 2484 ผู้บังคับหมวดประจำกรมรถรบอินโดจีน
พ.ศ. 2498 ผู้บังคับกองร้อยที่ 2 กองพันที่ 1 กรมรถรบ
พ.ศ. 2493 รองผู้บังคับการจังหวัดทหารบกอุตรดิตถ์
พ.ศ. 2497 ผู้บังคับกองพันที่ 5 กรมทหารม้าที่ 2
พ.ศ. 2501 รองผู้บัญชาการโรงเรียนทหารม้ายานเกราะ ศูนย์การทหารม้า
พ.ศ. 2506 รองผู้บัญชาการโรงเรียนทหารม้า ศูนย์การทหารม้า
และรองผู้บังคับการจังหวัดทหารบกสระบุรี
พ.ศ. 2511 ผู้บัญชาการศูนย์การทหารม้า และผู้บังคับการจังหวัดทหารบกสระบุรี
พ.ศ. 2516 รองแม่ทัพภาคที่ 2
พ.ศ. 2517 แม่ทัพภาคที่ 2
พ.ศ. 2520 ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก
พ.ศ. 2521 ผู้บัญชาการทหารบก
ได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้เป็นองคมนตรีและรัฐบุรุษ

บทบาททางการเมือง
พ.ศ. 2502 สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ
พ.ศ 2511 สมาชิกวุฒิสภา
พ.ศ 2516 สมาชิกสมัชชาแห่งชาติ
พ.ศ 2520 สมาชิกสภานโยบาย
พ.ศ 2520-2522 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม
พ.ศ 2523-2531 นายกรัฐมนตรี 5 สมัย
วันที่ 28 เมษายน 2531 ยุบสภา

ผลงานสำคัญ
การปรับปรุงประมวลกฏหมายรัษฎากรและกฏหมายสรรพสินค้า
การสร้างงานตามโครงการสร้างงานในชนบท (กสช.)
การจัดตั้งคณะกรรมการร่วมภาครัฐบาลและเอกชน (กรอ.) เพื่อส่งเสริมบทบาททางการค้าและการลงทุนของภาคเอกชนภายในประเทศ
การดำเนินการปราบปรามผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ภายในประเทศ โดยนำนโยบายการใช้ "การเมืองนำการทหาร"

พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ นายกรัฐมนตรีคนที่ 17

ประวัติ
เกิดเมื่อวันที่ 5 เมษายน 2463
ที่ตำบลพลับพลาไชย จังหวัด พระนคร
เป็นบุตรของจอมพล ผิน ชุณหะวัณ
กับคุณหญิง วิบุลลักสม์ ชุณหะวัณ
สมรสกับท่านผู้หญิงบุญเรือน ชุณหะวัณ
ถึงแก่อสัญกรรม เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2541

การศึกษา
โรงเรียนเทพศิรินทร์
โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า
โรงเรียนนายร้อยทหารม้า
โรงเรียนยานเกราะกองทัพบก
(อาร์เมอร์สคูล) มลรัฐเคนตั๊กกี้ สหรัฐอเมริกา

ระยะเวลาดำรงตำแหน่ง
สมัยที่ 1 : คณะรัฐมนตรี คณะที่ 45 : 4 สิงหาคม 2531 - 9 ธันวาคม 2533
สมัยที่ 2 : คณะรัฐมนตรี คณะที่ 46 : 9 ธันวาคม 2533 - 23 กุมภาพันธ์ 2534

ประวัติการทำงาน
พ.ศ. 2483 ผู้บังคับหมวด กองพันทหารม้าที่ 1 รักษาพระองค์
พ.ศ. 2492 ตำแหน่งรองผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารบก ณ กรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา
พ.ศ. 2501 ที่ปรึกษาสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงบัวโนสไอเรส
พ.ศ. 2503 เอกอัครราชทูตวิสามัญ ประจำสาธารณรัฐอาร์เจนตินา
พ.ศ. 2506 เอกอัครราชทูตวิสามัญ ประจำออสเตรีย และตุรกี
พ.ศ. 2510 เอกอัครราชทูตวิสามัญ ประจำสมาพันธ์สวิส
พ.ศ. 2512 เอกอัครราชทูตวิสามัญ ประจำสมาพันธ์สาธารณรัฐโซเซียลลิสต์ยูโกสลาเวีย
พ.ศ. 2513 เอกอัครราชทูตวิสามัญ ประจำรัฐวาติกัน
พ.ศ.2515 ดำรงตำแหน่ง อธิบดีกรมการเมืองกระทรวงต่างประเทศ

บทบาททางการเมือง
พ.ศ. 2515 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงต่างประเทศ
พ.ศ. 2518 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ
พ.ศ. 2518 ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดนครราชสีมา รวม 5 สมัย
พ.ศ. 2519 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม
พ.ศ. 2529 รองนายกรัฐมนตรี
พ.ศ. 2531 หัวหน้าพรรคชาติไทย
พ.ศ. 2531 นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
พ.ศ. 2534 ถูกยึดอำนาจการปกครองโดย คณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติภายใต้การนำของพลเอก สุนทร คงสมพงษ์ พลเอกสุจินดา คราประยูร พลอากาศเอก เกษตร โรจนนิลและพลเอก อิสระพงษ์ หนุนภักดี

ผลงานที่สำคัญ
การดำเนินนโยบายต่างประเทศกับประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะประเทศในกลุ่มอินโดจีนโดยการเปลี่ยนสนามรบให้เป็นสนามการค้า
ดำเนินการประสานงานให้มีการเจรจาร่วมระหว่างเขมร 4 ฝ่าย เพื่อยุติการสู้รบ
อนุมัติโครงการเพื่อให้เอกชนเข้ามาลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน หลายโครงการได้แก่ โครงการขยายบริการโทรศัพท์ 3 ล้านเลขหมาย โครงการพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งทะเลภาคใต้ โครงการก่อสร้างทางรถไฟยกระดับในเขตกรุงเทพมหานคร โครงการทางด่วนยกระดับ และโครงการระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลขนในกรุงเทพมหานคร

นายอานันท์ ปันยารชุน นายกรัฐมนตรีคนที่ 18

ประวัติ

นายอานันท์ ปันยารชุน
เกิดวันที่ 9 สิงหาคม 2475
สมรสกับ ม.ร.ว. สดศรี(จักรพันธุ์)

การศึกษา
กรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย
โรงเรียนดัลลิชคอลเลจ ประเทศอังกฤษ
มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ปริญญาตรี (เกียรตินิยม)
สาขากฎหมายในปี 2498
โรงเรียนกฏหมายกระทรวงยุติธรรม

ระยะเวลาดำรงตำแหน่ง

สมัยที่ 1 : คณะรัฐมนตรี คณะที่ 47 : 2 มีนาคม 2534 - 22 มีนาคม 2535
สมัยที่ 2 : คณะรัฐมนตรี คณะที่ 49 : 10 มิถุนายน 2535 - 22 กันยายน 2535

ประวัติการทำงาน
พ.ศ. 2498 เข้ารับราชการในกระทรวงการต่างประเทศ
พ.ศ. 2502-2507 เป็นเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
พ.ศ. 2503 ได้รับตำแหน่งเลขานุการเอกคณะทูตถาวรแห่งประเทศไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ค
พ.ศ. 2510-2515 ได้รับการแต่งตั้งเป็นเอกอัครราชทูตไทยประจำสหประชาชาติ และเอกอัครราชทูตประจำประเทศแคนาดา
พ.ศ. 2515-2518 ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเอกอัครราชทูตประจำสหรัฐอเมริกา และผู้แทนถาวรแห่งประเทศไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ค
พ.ศ. 2519 รับตำแหน่งปลัดกระทรวงการต่างประเทศและตำแหน่งสุดท้ายทางราชการคือ เอกอัครราชทูตประจำสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมัน
พ.ศ. 2520-2521 และตำแหน่งสุดท้ายทางราชการคือ เอกอัครราชทูตประจำสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมัน
พ.ศ. 2522 เข้าร่วมงานกับกลุ่มบริษัท สหยูเนี่ยน จำกัด
พ.ศ. 2523 รับตำแหน่งอุปนายกสมาคมอุตสาหกรรมไทย
พ.ศ. 2525-2526 เป็นประธาน ASEAN TASK FORCE
พ.ศ. 2525-2527 ดำรงตำแหน่งสภาหอการค้าและอุตสาหกรรมอาเซียน
พ.ศ. 2530-2533 รับเลือกตั้งเป็นรองประธานสภาฯ
พ.ศ. 2533 ได้รับการเลือกตั้งเป็นกรรมการ THE WORLD MANAGEMENT COUNCIL (CLOS)
พ.ศ. 2534 รับเป็นกรรมการ THE BUSINESS COUNCIL FOR SUSTAINABLE DEVELOPMENT (BCSD)
พ.ศ. 2535 ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2535

บทบาททางการเมือง
2 มีนาคม 2534 ได้รับพระบรมราชโองการ โปรดเกล้าฯแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 18
10 มิถุนายน 2535 ได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี อีกครั้ง

ผลงานที่สำคัญ
การปรับปรุงระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน
การปรับปรุงประสิทธิภาพระบบข้าราชการ
การริเริ่มที่จะจัดตั้งเขตการค้าเสรีอาเซียน
การส่งเสริมตลาดทุน
การส่งเสริมการแข่งขันโดยเสรีในอุตสาหกรรม นโยบายการค้าเสรี ภายใต้การแข่งขันอย่างเป็นธรรม
การนำภาษีมูลค่าเพิ่มมาใช้แทนภาษีการค้า
การปรับปรุงการสรรพสามิตให้สอดคล้องกับภาษีมูลค่าเพิ่ม
การเป็นเจ้าภาพการประชุมสภาผู้ว่าการธนาคารโลกและกองทุน การเงินระหว่างประเทศครั้งที่ 46 ประจำปี 2534
การให้เอกชนเข้ามามีบทบาทในการพัฒนารัฐวิสาหกิจมากขึ้น
การพัฒนาชนบท การเกษตร และการปฏิรูปที่ดิน
การเร่งรัดโครงสร้างพื้นฐานด้านโทรศัพท์และโทรคมนาคม
การปรับปรุงท่าอากาศยานกรุงเทพแห่งที่ 2
การพัฒนาระบบอุดมศึกษาให้มีความเป็นอิสระและคล่องตัว
การดำเนินงานการขยายโอกาสทางการศึกษา
การอนุรักษ์ฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและพัฒนาสิ่งแวดล้อม
การสำรวจผลิตและเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน
การแยกรัฐวิสาหกิจออกจากกฎหมายแรงงานสัมพันธ์
การจัดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2535 โดยริเริ่มจัดตั้งองค์กรกลางเพื่อสอดส่องดูแลการเลือกตั้งให้บริสุทธิ์ยุติธรรม

สุจินดา คราประยูร นายกรัฐมนตรีคนที่ 19

ประวัติ
เกิดเมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2476
ต.บ้านช่างหล่อ อ.บางกอกน้อย กรุงเทพฯ
เป็นบุตรของนายจวงกับนางสมพงษ์ คราประยูร
สมรสกับ คุณหญิงวรรณี คราประยูร(หนุนภักดี)

การศึกษา
โรงเรียนวัดราชบพิธ
โรงเรียนอำนวยศิลป์
เตรียมแพทย์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
โรงเรียนเตรียมทหาร
โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า หลักสูตรเวสท์ปอยต์รุ่นที่ 5
โรงเรียนเสนาธิการทหารบก
สำเร็จหลักสูตรเสนาธิการทหารบกรุ่นที่ 44 จากฟอร์ท ลีเวนเวิร์ธ สหรัฐอเมริกา

ระยะเวลาดำรงตำแหน่ง
คณะรัฐมนตรี คณะที่ 48 : 7 เมษายน 2535 - 9 มิถุนายน 2535

ประวัติการทำงาน
พ.ศ. 2505 ดำรงตำแหน่งผู้บังคับกองร้อย กองพันทหารปืนใหญ่ที่ 21
พ.ศ. 2513 หัวหน้าฝ่ายยุทธการกองทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยาน
พ.ศ. 2524 รองเจ้ากรมยุทธการทหารบก
พ.ศ. 2525 เจ้ากรมยุทธการทหารบก
พ.ศ. 2529 รองเสนาธิการทหารบก
พ.ศ. 2530 ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก
พ.ศ. 2532 รองผู้บัญชาการทหารบก
พ.ศ. 2533 ผู้บัญชาการทหารบก
พ.ศ. 2534 ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารสูงสุด

บทบาททางการเมือง
2 กรกฎาคม 2524 เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
24 เมษายน 2524 ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี
23 กุมภาพันธ์ 2534 รองประธานสภารักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ
7 เมษายน 2535 ดำรงตำแหน่ง นายกรัฐมนตรีคนที่ 19
24 พฤษภาคม 2535 ลาออกจากตำแหน่ง

นายชวน หลีกภัย นายกรัฐมนตรีคนที่ 20

ประวัติ
เกิดวันที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2481
ตำบลท้ายพรุ อำเภอเมือง จังหวัดตรัง

การศึกษา
ประถมศึกษา โรงเรียนวัดควนวิเศษ จังหวัดตรัง
มัธยมศึกษา โรงเรียนมัธยมวัดควนวิเศษ และโรงเรียนตรังวิทยา
สำเร็จการศึกษาโรงเรียนศิลปศึกษา แผนกจิตรกรรมและประติมากรรม เตรียมมหาวิทยาลัยศิลปากร
พ.ศ. 2505 นิติศาสตร์บัณฑิต มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
พ.ศ. 2507 เนติบัณฑิต สำนักอบรมศึกษาทางกฎหมาย แห่งเนติบัณฑิตสภา สมัยที่ 17
พ.ศ. 2528 ดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ทางรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
พ.ศ. 2530 ดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ทางรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง
พ.ศ. 2536 ดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ทางนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยฟิลิปปินส์
พ.ศ. 2537 ดุษฎีบัณฑิต สาขาวรรณกรรม (ภาพเขียน) มหาวิทยาลัยศิลปากร

ระยะเวลาดำรงตำแหน่ง
สมัยที่ 1 : คณะรัฐมนตรี คณะที่ 50 : 23 กันยายน 2535 - 12 กรกฎาคม 2538
สมัยที่ 2 : คณะรัฐมนตรี คณะที่ 53 : 9 พฤศจิกายน 2540 - 17 พฤศจิกายน 2543

ประวัติการทำงาน
ทนายความ

บทบาททางการเมือง
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดตรัง
พ.ศ. 2518 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงยุติธรรม
พ.ศ. 2519 รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
พ.ศ. 2523 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม
พ.ศ. 2524 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
พ.ศ. 2525-2526 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
พ.ศ. 2526-2529 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
พ.ศ. 2529-2531 ประธานสภาผู้แทนราษฎร
พ.ศ. 2531-2532 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
พ.ศ. 2533 รองนายกรัฐมนตรี
พ.ศ. 2533 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
พ.ศ. 2535-2538 นายกรัฐมนตรี
พ.ศ. 2539 - 2540 ผู้นำฝ่ายค้าน
9 พฤศจิกายน 2540 - 2544 นายกรัฐมนตรีครั้งที่ 2

เครื่องราชอิสริยาภรณ์
พ.ศ. 2522 ประถมาภรณ์มงกุฏไทย
พ.ศ. 2523 ประถมาภรณ์ช้างเผือก
พ.ศ. 2524 มหาวชิรมงกุฏ
พ.ศ. 2525 มหาปรมาภรณ์ช้างเผือก
พ.ศ. 2539 ตติยจุลจอมเกล้าวิเศษ
พ.ศ. 2541 ทุติยจุลจอมเกล้าวิเศษ

เครื่องราชอิสริยาภรณ์ ต่างประเทศ
พ.ศ. 2536 Order of Sukatuna (Special Class), Raja สาธารณรัฐฟิลิปปินส์
พ.ศ. 2542 Order of the Sun (Grand Cross) สาธารณรัฐเปรู
พ.ศ. 2542 Grand Cross of the Order of Christ สาธารณรัฐโปรตุเกส
พ.ศ. 2543 Jose Dolores Estrada, Batalla de San Jacinto (Gran Cruz) สาธารณรัฐนิการากัว
พ.ศ. 2543 Romania's Star - The High Cross ประเทศโรมาเนีย

นายบรรหาร ศิลปอาชา นายกรัฐมนตรีคนที่ 21

ประวัติ
วันเกิด 19 ธันวาคม 2475
ที่ จังหวัดสุพรรณบุรี
สัญชาติ ไทย
ศาสนา พุทธ

การศึกษา
พ.ศ.2517 ปริญญาโททางด้านกฏหมาย
มหาวิทยาลัยรามคำแหง
ประวัติการทำงาน
พ.ศ.2538 นายกรัฐมนตรี
พ.ศ.2536 - 2538 หัวหน้าพรรคชาติไทย
พ.ศ.2535 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม
พ.ศ.2533 - 2534 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
พ.ศ.2533 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
พ.ศ.2531 - 2533 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม
พ.ศ.2529 -2531 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม
พ.ศ.2523-2524 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
พ.ศ.2523 เลขาธิการพรรคชาติไทย
พ.ศ.2519 สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดสุพรรณบุรี
พ.ศ. 2518 วุฒิสมาชิก

พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ นายกรัฐมนตรีคนที่ 22

ประวัติ

วันเกิด 15 พฤษภาคม 2475
ที่ จังหวัดนนทบุรี
สัญชาติ ไทย
ศาสนา พุทธ

การศึกษา
พ.ศ. 2496 โรงเรียนนายร้อยพระจุลอมเกล้า
พ.ศ. 2505 หลักสูตรผู้บังคับกองพัน โรงเรียนทหารสื่อสาร
พ.ศ. 2506 โรงเรียนเสนาธิการทหารบก
พ.ศ. 2507 โรงเรียนเสนาธิการทหารบก
ฟอร์ท ลีเวนเวินร์ธ ประเทศสหรัฐอเมริกา
พ.ศ. 2511 สำเร็จหลักสูตรกระโดดร่มชั้น
Novice ประเทศสหรัฐอเมริกา
พ.ศ. 2511 สำเร็จหลักสูตรกระโดดร่มนาย
ทหาร ชั้นผู้ใหญ่ (รุ่นที่ 2)

ประวัติการทำงาน
พ.ศ. 2531 นาวิกโยธิน กรมนักเรียนนายเรืออากาศรักษาพระองค์ โรงเรียน
นายเรืออากาศ, กรมยุทธศึกษาทหารอากาศ กองพันอากาศโยธิน, รักษา
พระองค์ กรมอากาศโยธิน
พ.ศ. 2530 ตุลาการทหารสูงสุด, นายกองเอก กองอาสารักษาดินแดน
นายทหารพิเศษ กองนักเรียนนายเรือรักษาพระองค์ โรงเรียนนายเรือ
นายทหารพิเศษ กองบัญชาการ กรมทหารราบที่ 3 รักษาพระองค์
นายทหารพิเศษ กรมยุทธศึกษาทหารเรือ
พ.ศ. 2530 รักษาการผู้บัญชาการทหารสูงสุด กองบัญชาการทหารสูงสุด
กระทรวงกลาโหม
พ.ศ. 2529 ผู้บัญชาการทหารบก
พ.ศ. 2529 นายทหารพิเศษ กรมทหารปืนใหญ่ที่ 1 รักษาพระองค์
นายทหารพิเศษ กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์
นายทหารพิเศษ กรมนักเรียนนายร้อย รักษาพระองค์ โรงเรียนนายร้อย พระจุล
จอมเกล้าฯ
พ.ศ. 2528 เสนาธิการทหารบก (พลเอก)
พ.ศ. 2526-2533 สมาชิกวุฒิสภา
พ.ศ. 2526 กรมทหารม้าที่ 4 รักษาพระองค์
พ.ศ. 2526 รองเสนาธิการทหารบก, ผู้อำนวยการศูนย์ยุทธการ กองทัพบก
หัวหน้าฝ่ายยุทธการ ศูนย์ปฏิบัติการ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงแห่งชาติ
ราชองครักษ์พิเศษ
นายทหารพิเศษ กรมมหาดเล็กที่ 31
นายทหารพิเศษ กรมทหารราบที่ 1
พ.ศ. 2525 ผู้ช่วยเสนาธิการทหารบก ฝ่ายยุทธการ
พ.ศ. 2524 ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี
พ.ศ. 2524 ประธานกรรมการ คณะกรรมการศึกษาเรื่องพลังงานทรัพยากร และ
สิ่งแวดล้อม
พ.ศ. 2524 หัวหน้าฝ่ายยุทธการ กองอำนวยการร่วมรักษาความสงบแห่งชาติ
พ.ศ. 2524 เจ้ากรม กรมยุทธการทหารบก
พ.ศ. 2522 นายทหารคนสนิทรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม (พลเอก เปรม
ติณสูลานนท์) และประจำกองบัญชาการทหารบก
พ.ศ. 2512-2515 ปฏิบัติราชการพิเศษปราบปรามผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์
พ.ศ. 2511 นายทหารฝ่ายเสนาธิการประจำกรม กรมยุทธการทหารบ
พ.ศ. 2510 นายทหารฝ่ายยุทธการและการฝึก กรมทหารอาสาสมัคร
พ.ศ. 2510 ปฏิบัติราชการสงครามเวียดนาม
พ.ศ. 2503 ผู้บังคับกอง กองร้อยซ่อมบำรุงเครื่องสื่อสารเขต
พ.ศ. 2494 ปฏิบัติราชการพิเศษกรณีปราบจลาจล
ปฏิบัติราชการพิเศษในการยับยั้งการรุกรานของฝ่ายคอมมิวนิสต์

บทบาททางการเมือง
30 มี.ค 2533 -21 มิ.ย 2533 รองนายกรัฐมนตรี, รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงกลาโหม (สมัยรัฐบาล พล.อ.ชาติชาย)
25 ต.ค. 2535 - ปัจจุบัน หัวหน้าพรรคความหวังใหม่
2535/1-2 สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จ.นนทบุรี เขต 1 พรรคความหวังใหม่
15 พ.ค. 2535 - 12 ก.ย.2535 ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร
29 ก.ย. 2535 - 11 ธ.ค. 2537 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (สมัยรัฐบาล ชวน 1-2)
23 ก.ย.2536 - 7 ม.ค.2537 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานและ สวัสดิการสังคม
14 ก.ค. 2537 - 25 ต.ค. 2537 รองนายกรัฐมนตรี
ผู้รับกระแสพระราชดำรัสให้ดำเนินการโครงการน้ำพระทัยจากในหลวง หรือโครงการอีสานเขียว โครงการพัฒนาดอยตุง โครงการฮารับปันมารู
ก.ค. 2538 - ก.ย. 2539 สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จ.นครพนม เขต 1 พรรคความหวังใหม่
18 ก.ค. 2538 - ก.ย. 2539 รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงกลาโหม (สมัยรัฐบาลนายบรรหาร)
2538 - ปัจจุบัน ประธานการกีฬาแห่งประเทศไทย
17 พ.ย. 2539 สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จ.นครพนม เขต 1 พรรคความหวังใหม่
25 พ.ย. 2539 นายกรัฐมนตรีคนที่ 22 ของประเทศไทย
29 พ.ย. 2539 - พ.ย. 2540 นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
ปัจจุบัน ผู้นำพรรคฝ่ายค้าน

ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีคนที่ 23

ประวัติ
วันเกิด 26 กรกฏาคม 2492
ที่ จังหวัดเชียงใหม่
สัญชาติ ไทย
ศาสนา พุทธ

การศึกษา
โรงเรียนมงฟอร์ตวิทยาลัย จังหวัดเชียงใหม่
อุดมศึกษา
พ.ศ. 2512 โรงเรียนเตรียมทหาร รุ่นที่ 10
พ.ศ. 2516 โรงเรียนนายร้อยตำรวจ รุ่นที่ 26 โดยสอบได้คะแนน เป็นที่ 1
ปริญญาโท
ได้รับทุนรัฐบาล (ทุน ก.พ.) Eastern Kentucky University สหรัฐอเมริกา สาขา Criminal Justice
ปริญญาเอก
Sam Houston State University สหรัฐอเมริกา สาขา Criminal Justice

ประวัติการทำงาน
พ.ศ. 2541 - 2543 ก่อตั้งพรรคไทยรักไทยและดำรงตำแหน่ง หัวหน้าพรรคไทยรักไทย
พ.ศ. 2539 - 2540 ดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี (ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ)
เข้ารับตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี รับผิดชอบงานด้านจราจร (ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี บรรหาร ศิลปอาชา)
เข้ารับตำแหน่งหัวหน้าพรรคพลังธรรม
พ.ศ. 2537 - 2538 ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวง การต่างประเทศ
พ.ศ. 2530 - 2537 ลาออกจากราชการเพื่อประกอบธุรกิจส่วนตัว ประธานกรรมการ บริษัท ชินวัตร คอมพิวเตอร์ จำกัด
พ.ศ. 2516 - 2530 รองผู้กำกับการนโยบายและแผนงาน/ กองบังคับการอำนวยการ กองบัญชาการตำรวจนครบาล

บทบาททางสังคม
รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้เป็นกรรมการผู้ทรง คุณวุฒิสภามหาวิทยาลัย 6 แห่ คือ มหาวิทยาลัยรามคำแหง มหาวิทยาลัย สุโขทัยธรรมาธิราช มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ และมหาวิทยาลัย เกษตรศาสตร์
เป็นผู้ก่อตั้งมูลนิธิไทยคม และ เป็นผู้ริเริ่มแนวความคิดที่จะนำ ดาวเทียมสื่อสาร "ไทยคม" มาใช้ประโยชน์ทางด้านการศึกษา ผ่านดาวเทียม เพื่อเปิดโอกาสให้เด็กชนบทผู้ยากไร้ที่ไม่สามารถ เรียนต่อ ได้มีโอกาสเรียนต่อในท้องถิ่นของตนเอง ทั้งนี้โดยได้ รับความร่วมมือจากกรม การศึกษานอกโรงเรียน กระทรวงศึกษาธิการ เป็นกรรมการอำนวยการ สถาบันเอเชียการศึกษา
ปี 2538 - ปัจจุบัน
กรรมการสภาที่ปรึกษา สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจศศินทร์ แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
กรรมการที่ปรึกษา BANGKOK CLUB
กรรมการอำนวยการ สถาบันเทคโนโลยีนานาชาติสิรินธร มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

รางวัลเกียรติคุณ
2539 - ได้รับรางวัล "Outstanding Criminal Justice Alumnus Awards" จาก Criminal Justice Center, Sam Houston State University และได้รับรางวัล "Distinguished Alumni Award" จากมหาวิทยาลัยเดียวกัน เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2539
2538 - ได้รับคัดเลือกไปเป็น 1 ใน 3 คนไทยดีเด่นซึ่งมีบทบาท สำคัญในการเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศไทย และฟิลิปปินส์ เข้ารับรางวัลจากสถานฑูตฟิลิปปินส์
2537 - ได้รับรางวัล "บุคคลดีเด่นผู้พัฒนาโทรคมนาคมเพื่อ สังคมของประเทศไทย ประจำปี 2536" จากสมาคมโทรคมนาคม แห่งประเทศไทย
ได้รับยกย่องจากหนังสือพิมพ์ Singapore Business Times ให้ เป็น 1 ใน 12 นักธุรกิจผู้นำของเอเชีย
ได้รับคัดเลือกจากนิตยสาร Financial World ที่มีชื่อเสียงของ สหรัฐอเมริกาให้เป็นหนึ่งใน Asian CEO of the Year ได้รับ พระราชทานปริญญา วารสารศาสตร์ดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ได้รับคัดเลือกให้เป็นคนไทยคนแรกและเป็นบุคคลที่ 3 ที่ ได้รับทุน " Lee Kuan Yew Exchange Fellowship " จากประเทศสิงคโปร์ 2535
ได้รับรางวัล "1992 Asean Business Man of the Year" จาก Asean Institute ประเทศอินโดนีเซีย
ได้รับรางวัล "เกียรติยศจักรดาว" ด้านพัฒนาเศรษฐกิจจาก คณะกรรมการมูลนิธิโรงเรียนเตรียมทหาร

สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรีคนที่ 24

ประวัติ

วันเกิด 28 สิงหาคม 2486
สถานภาพ สมรสกับ พ.อ.หญิง คุณหญิง จิตรวดี จุลานนท์ (สกุลเดิม "สันทัดเวช")

การศึกษา
โรงเรียนเซนต์ฟรังซิสซาเวียร์คอนแวนต์
โรงเรียนเซนต์คาเบรียล
โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย
โรงเรียนเตรียมทหารรุ่น 1
โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า รุ่น 12
โรงเรียนศูนย์การทหารราบ
โรงเรียนเสนาธิการทหารบก สหรัฐอเมริกา
หลักสูตรการบริหารทรัพยากร กระทรวงกลาโหม สหรัฐอเมริกา
วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร รุ่นที่ 36 (2536)

ประวัติการทำงาน
พ.ศ. 2508 ประจำศูนย์การทหารราบ
พ.ศ. 2509 ผู้บังคับหมวดปืนเล็ก กองพันทหารราบที่ 1 กรมผสมที่ 31
พ.ศ. 2513 ผู้บังคับชุดปฏิบัติการ กองร้อยรพิเศษ กองรบพิเศษ (พลร่ม) ที่ 2
พ.ศ. 2515 ครูโรงเรียนสงครามพิเศษ ศูนย์สงครามพิเศษ
พ.ศ. 2521 ผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 4 กรมผสมที่ 23
พ.ศ. 2526 ผู้บังคับการกรมรบพิเศษที่ 1 กองพลรบพิเศษที่ 1
พ.ศ. 2532 ผู้บัญชาการกองรบพิเศษที่ 1
พ.ศ. 2535 ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ
พ.ศ. 2537 แม่ทัพภาคที่ 2
พ.ศ. 2540 ที่ปรึกษาพิเศษ กองทัพบก
พ.ศ. 2540 ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพบก
พ.ศ. 2541–2545 ผู้บัญชาการทหารบก
พ.ศ. 2545–2546 ผู้บัญชาการทหารสูงสุด
14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2546 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งองคมนตรี
พ.ศ. 2546 กรรมการบริหารมูลนิธิอานันทมหิดล

ตำแหน่งพิเศษ
พ.ศ. 2526 ราชองค์รักษ์เวร
นายทหารคนสนิท นายกรัฐมนตรี (พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์)
พ.ศ. 2531 นายทหารพิเศษ ประจำกรมทหารราบที่ 31 รักษาพระองค์
พ.ศ. 2535 และ 2539 สมาชิกวุฒิสภา ครั้งที่ 1 และ 2

เครื่องราชอิสริยาภรณ์ และเหรียญกล้าหาญ
พ.ศ. 2517 เหรียญพิทักษ์เสรีชน ชั้นที่ 1
พ.ศ. 2533 เหรียญกล้าหาญ รามาธิบดี (รามมาลา)
พ.ศ. 2535 มหาวชิรมงกุฏ
พ.ศ. 2538 มหาปรมาภรณ์ช้างเผือก
พ.ศ. 2539 ตติยจุลจอมเกล้าวิเศษ
พ.ศ. 2544 ทุติยจุลจอมเกล้าวิเศษ

สมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีคนที่ 25

ประวัติ
วันเกิด 13 มิถุนายน 2478
สถานภาพ สมรสกับ คุณหญิงสุรัตน์ สุนทรเวช

การศึกษา
ก่อนประถม โรงเรียนสตรีบางขุนพรหม
ประถม โรงเรียนเทเวศน์ศึกษา
มัธยม โรงเรียนเซนต์คาเบรียล
อาชีวะ โรงเรียนอัสสัมชัญพาณิชย์
อุดมศึกษา นิติศาสตร์บัณฑิต มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ศึกษาเพิ่มเติม
ประกาศนียบัตรวิชามัคคุเทศก์ (คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย)
Dip. in Accounting and Business Administration จาก Bryant & Stratton College สหรัฐอเมริกา

ประวัติการทำงาน
พ.ศ. 2496 : เจ้าหน้าที่สอนเครื่องลงบัญชีไฟฟ้า National Cash Registered Co.,Ltd. (พ.ศ. 2496-2497)
พ.ศ. 2497 : เสมียนแผนกรถยนต์ และภายหลังดำรงตำแหน่งผู้ช่วยหัวหน้าแผนกเครื่องอะไหล่ Barrow Brown Co.,Ltd. (พ.ศ. 2497-2502)
พ.ศ. 2502 : ผู้ช่วยหัวหน้าแผนกเครื่องอะไหล่ Loxley Bangkok Co.,Ltd. (พ.ศ. 2502-2504)
พ.ศ. 2504 : Free Lance Guide, World Travel Service Co.,Ltd. (พ.ศ. 2504-2506)
พ.ศ. 2507 : ผู้จัดการแผนกเครื่องอะไหล่ บริษัทเอื้อวิทยาพาณิชย์ จำกัด (พ.ศ. 2507-2509)
พ.ศ. 2510 : Dietary Aid, Fox Rever Rehabilitation Hospital, Chicago U.S.A. (พ.ศ. 2510-2511)
พ.ศ. 2512 : ผู้จัดการแผนกเครื่องอะไหล่ บริษัท เอื้อวิทยาพาณิชย์ จำกัด (พ.ศ. 2512-2513)
พ.ศ. 2513 : ผู้บริหารฝ่ายขาย John Deere Thailand Co.,Ltd. (พ.ศ. 2513-2514)
พ.ศ. 2514 : เจ้าหน้าที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์ สถานเอกอัครราชทูตอิสราเอล ประจำประเทศไทย (พ.ศ. 2514-2516)
พ.ศ. 2516 : ลาออกจากงานประจำและทำงานการเมืองอย่างเดียวเรื่อยมา เนื่องจากภรรยามีรายได้มั่นคงพอที่จะดูแลครอบครัวแล้ว

ประวัติทางการเมือง
พ.ศ. 2511 : เข้าเป็นสมาชิก พรรคประชาธิปัตย์ (พ.ศ. 2511 - 2519)
พ.ศ. 2514 : สมาชิกสภาเทศบาลนครกรุงเทพมหานคร (ได้รับเลือกตั้ง เมื่อ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2514)
พ.ศ. 2516 : สมาชิกสมัชชาแห่งชาติ (ได้รับแต่งตั้งเมื่อ 10 ธ.ค.16) และ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (ได้รับแต่งตั้งเมื่อ 23 ธ.ค.16)
พ.ศ. 2518 : สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กรุงเทพมหานคร (ม.ค. 2518)
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
พ.ศ. 2519 : สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กรุงเทพมหานคร (เม.ย. 2519)
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (พ.ศ. 2519 - 2520)
พ.ศ. 2522 : ก่อตั้งพรรคประชากรไทย และดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรค
สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กรุงเทพมหานคร (เม.ย. 2522)
ประธานคณะกรรมาธิการการคลัง และสถาบันการเงิน (พ.ศ. 2523 - 2526)
พ.ศ. 2526 : สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กรุงเทพมหานคร (เม.ย. 2526)
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม (พ.ศ. 2526 - 2529)
พ.ศ. 2529 : สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กรุงเทพมหานคร (ก.ค. 2529)
ประธานคณะกรรมาธิการการปกครอง (พ.ศ. 2529 - 2531)
พ.ศ. 2531 : สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กรุงเทพมหานคร (ก.ค. 2531)
ประธานคณะกรรมาธิการการเศรษฐกิจ (พ.ศ. 2531 - 2533)
พ.ศ. 2533 : รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม (พ.ศ. 2533 - 2534)
พ.ศ. 2535 : สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กรุงเทพมหานคร (มี.ค. 2535) (ก.ย. 2535)
ประธานคณะกรรมาธิการการคมนาคม (พ.ศ. 2535 - 2538)
พ.ศ. 2538 : สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กรุงเทพมหานคร (ก.ค. 2538)
พ.ศ. 2539 : สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กรุงเทพมหานคร (พ.ย. 2539)
พ.ศ. 2543 : ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (พ.ศ. 2543 - 2547)
พ.ศ. 2550 : รับตำแหน่งหัวหน้าพรรคพลังประชาชน (พ.ศ. 2550 - ปัจจุบัน)
พ.ศ. 2551 : นายกรัฐมนตรีของประเทศไทย (พ.ศ. 2551 - ปัจจุบัน)

เครื่องราชอิสริยาภรณ์
พ.ศ. 2517 : ตริตาภรณ์มงกุฏไทย
พ.ศ. 2518 : ตริตาภรณ์ช้างเผือก
พ.ศ. 2519 : ทวีติยาภรณ์มงกุฏไทย
พ.ศ. 2520 : รัตนาภรณ์ (ชั้นที่ ๒ )
พ.ศ. 2522 : ประถมาภรณ์มงกุฏไทย
พ.ศ. 2524 : ประถมาภรณ์ช้างเผือก
พ.ศ. 2526 : มหาปรมาภรณ์ช้างเผือก
พ.ศ. 2527 : ทุติยจุลจอมเกล้า
พ.ศ. 2527 : มหาวชิรมงกุฏ
พ.ศ. 2539 : ปฐมดิเรกคุณาภรณ์
พ.ศ. 2545 : ทุติยจุลจอมเกล้าวิเศษ

สมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีคนที่ 26

ประวัติ
เกิด 31 สิงหาคม พ.ศ. 2490 (อายุ 61 ปี)
สถานภาพ สมรสกับ นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์

การศึกษา
โรงเรียนอำนวยศิลป
นิติศาสตร์บัณฑิต มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
เนติบัณฑิตไทย (นบท.) สำนักอบรมศึกษากฎหมายแห่งเนติบัณฑิตยสภา
ปริญญาบัตร หลักสูตรป้องกันราชอาณาจักร วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร รุ่นที่ 38 และในปี 2545 รัฐประศาสนศาสตร์ มหาบัณฑิต หลักสูตรการจัดการภาครัฐและภาคเอกชนมหาบัณฑิต สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์

ประวัติการทำงาน
หลังจากสำเร็จการศึกษาแล้วสอบบรรจุเข้าเป็นผู้ช่วยผู้พิพากษา กระทรวงยุติธรรม เมื่อ พ.ศ. 2517 ต่อมาได้เป็นผู้ช่วยผู้พิพากษาประจำกระทรวง พ.ศ. 2518 ผู้พิพากษาศาลแขวงเชียงใหม่ พ.ศ. 2519 จากนั้นได้เลื่อนตำแหน่งเป้นผู้พิพากษาศาลจังหวัดเชียงใหม่ พ.ศ. 2520 แล้วจึงย้ายไปเป็นผู้พิพากษาศาลจังหวัดเชียงราย พ.ศ. 2526 จากนั้นย้ายไปเป็นผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดพังงา พ.ศ. 2529 ต่อมาได้เป็นผู้พิพากษาหัวหน้าศาลคดีเด็กและเยาวชนจังหวัดระยอง พ.ศ. 2530 ย้ายไปเป็นผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดชลบุรี พ.ศ. 2531 ย้ายไปเป็นผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดนนทบุรี พ.ศ. 2532 ย้ายไปเป็นผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลอาญาธนบุรี พ.ศ. 2533 เลื่อนตำแหน่งผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3 พ.ศ. 2536 ย้ายไปเป็นผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลอุทธรณ์ภาค 2 พ.ศ. 2540
ต่อมาได้เลื่อนตำแหน่งที่สูงขึ้นเป็นรองปลัดกระทรวงยุติธรรม ฝ่ายวิชาการ พ.ศ. 2541 หลังจากนั้นได้ย้ายไปเป็นรองปลัดกระทรวงยุติธรรม ฝ่ายบริหาร พ.ศ. 2542 หลังจากนั้นได้เลื่อนตำแหน่งสูงสุดเป็นปลัดกระทรวงยุติธรรม 11 พ.ย. 2542 หลังจากนั้นจึงย้ายไปเป็นปลัดกระทรวงแรงงาน 8 มี.ค. 2549 - ก.ย. 2549
หลังจากเกษียณอายุราชการแล้วได้ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการสภาวิจัยแห่งชาติสาขานิติศาสตร์ พ.ศ. 2542- 2549
กรรมการเนติบัณฑิตยสภา
ประธานคณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สินผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติดให้โทษ
กรรมการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)
กรรมการบริษัทผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน)
กรรมการธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน)
กรรมการ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)
กรรมการบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน)
กรรมการบริษัทไทยออยล์ จำกัด (มหาชน)
กรรมการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.)
กรรมการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.)
กรรมการคณะกรรมการกฤษฎีกา
กรรมการคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.)
กรรมการคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.)
กรรมการคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (กพ.)
กรรมการคณะกรรมการอัยการ (กอ.)
กรรมการคณะกรรมการตุลาการ
กรรมการคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารแห่งชาติ
กรรมการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล

ประวัติทางการเมือง
ในปี พ.ศ. 2550 เป็นรองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ต่อมาในปี พ.ศ. 2551 รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และในวันที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2551 ได้รับเลือกให้เป็นรักษาการนายกรัฐมนตรี
17 กันยายน 2551 ได้รับการคัดเลือกจากสภาให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยผลการลงคะแนนปรากฏว่านายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ได้ 298 เสียง ส่วนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะได้ 163 เสียง งดออกเสียง 5 เสียง ทำให้นายสมชาย ได้รับคะแนนเสียงเกินกึ่งหนึ่งตามรัฐธรรมนูญ จึงได้รับความเห็นชอบให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 26 ของประเทศไทย

การปฏิบัติงาน
เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการโครงการหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์
ความมั่นคง
แก้ไขปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้
ส่งเสริมความร่วมมือในการพัฒนาและสร้างสัมพันธไมตรีที่ดีในภูมิภาค
จัดตั้งสภาเกษตรกรและสร้างระบบประกันความเสี่ยง
เศรษฐกิจ
แก้ไขปัญหาวิกฤติสถาบันการเงินในประเทศสหรัฐอเมริกา
เร่งรัดการลงทุนที่สำคัญของประเทศ
สร้างกลไกในการบริหารจัดการความเสี่ยงที่เกิดจากวิกฤติการเงินของโลกที่ส่งผลต่อการเคลื่อนย้าย เงินทุนทั้งระยะสั้นและระยะยาว
สิทธิมนุษยชน
เร่งรัดปราบปรามการค้ายาเสพติด ปราบปรามผู้มีอิทธิพล อบายมุขและสิ่งยั่วยุเยาวชน
ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ยุบพรรค
เมื่อเวลา 12.30 น. ของวันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2551 ศาลรัฐธรรมนูญได้อ่านคำวินิจฉัยคดียุบพรรคพลังประชาชน พรรคชาติไทย และพรรคมัชฌิมาธิปไตย อันเนื่องมาจากกรณีทุจริตการเลือกตั้งของนายยงยุทธ ติยะไพรัช ภายหลังนายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย และนางอนงค์วรรณ เทพสุทิน หัวหน้าพรรคมัชฌิมาธิปไตย แถลงด้วยวาจาเสร็จสิ้นแล้ว โดยไม่รอพรรคพลังประชาชนไม่ได้ส่งตัวเข้าแถลงปิดคดีแต่อย่างใด
ต่อมา ศาลรัฐธรรมนูญได้อ่านคำวินิจฉัยในส่วนของพรรคพลังประชาชน ด้วยมติเอกฉันท์ 9 ต่อ 0 ให้ยุบพรรคพลังประชาชน และตัดสิทธิทางการเมืองหัวหน้าพรรค และกรรมการบริหารพรรค 5 ปี (รวม 37 คน) เท่ากับว่านายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชาชนต้องพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีโดยปริยาย
จากนั้นศาลรัฐธรรมนูญได้อ่านคำวินิจฉัยในส่วนของพรรคมัชฌิมาธิปไตย โดยมีมติให้ยุบพรรคมัฌชิมาฯ และตัดสิทธิทางการเมืองหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรค 5 ปี (รวม 43 คน)
ต่อมาศาลรัฐธรรมนูญมีมติเสียงข้างมาก 8 ต่อ 1 ให้ยุบพรรคชาติไทยตามไปอีกพรรค โดยศาลฯได้วินิจฉัยว่ามีความผิดตามมาตรา 237 วรรค 2 และมาตรา 68 ตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ ถือว่าเป็นข้อเท็จจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ และกฎหมายได้เอาไว้เป็นเด็ดขาด แม้จะมีการโต้แย้งว่าหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคคนอื่นฟังไม่ขึ้น (รวม 29 คน)

เครื่องราชอิสริยาภรณ์
พ.ศ. 2523 : ทวีติยาภรณ์มงกุฎไทย (ท.ม.)
พ.ศ. 2527 : ทวีติยาภรณ์ช้างเผือก (ท.ช.)
พ.ศ. 2529 : ประถมาภรณ์มงกุฎไทย (ป.ม.)
พ.ศ. 2532 : ประถมาภรณ์ช้างเผือก (ป.ช.)
พ.ศ. 2535 : มหาวชิรมงกุฎ (ม.ว.ม.)
พ.ศ. 2540 : มหาปรมาภรณ์ช้างเผือก (ม.ป.ช.)
พ.ศ. 2542 : เหรียญจักรพรรดิมาลา (จ.ม.ร.)

อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีคนที่ 27

ประวัติ

เกิดวันที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2507 ที่ เมืองนิวคาสเซิล ประเทศอังกฤษ
สถานภาพสมรสกับ ผศ.ดร.พิมพ์เพ็ญ เวชชาชีวะ

ประวัติการศึกษา
โรงเรียนอนุบาลยุคลธร
โรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จน
โรงเรียนสเกทคลิฟ
โรงเรียนมัธยมอีตัน
มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด ปริญญาตรีในสาขาวิชา ปรัชญา การเมืองและเศรษฐศาสตร์
มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด ระดับปริญญาโททางด้านเศรษฐศาสตร์
มหาวิทยาลัยรามคำแหง ปริญญาตรีนิติศาสตร์
มหาวิทยาลัยรามคำแหง นิติศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์จาก

ประวัติการทำงาน
พ.ศ. 2530 - 2531 อาจารย์ประจำ (ยศร้อยตรี) โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า (จปร.) เขาชะโงก จังหวัดนครนายก
พ.ศ. 2532 อาจารย์พิเศษ มหาวิทยาลัยอ็อกซฟอร์ด ประเทศอังกฤษ
พ.ศ. 2533 - 2534 อาจารย์ประจำ คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กรุงเทพมหานคร

ประวัติทางการเมือง
นายอภิสิทธิ์ เริ่มต้นชีวิตการเมืองด้วยการเป็น อาสาสมัครช่วยหาเสียงให้กับ นายพิชัย รัตตกุล ในเขตคลองเตย ช่วงปิดภาคเรียนที่กลับมาเมืองไทย ต่อมาได้เข้าช่วยงานด้านวิชาการในเรื่อง แผนพัฒนาเศรษฐกิจ ให้กับ นายชวน หลีกภัย หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ขณะนั้น ก่อนจะลงสมัครรับเลือกตั้งในนาม พรรคประชาธิปัตย์ ได้เป็น ส.ส.กรุงเทพมหานคร เมื่อปี พ.ศ. 2535 ขณะมีอายุได้เพียง 27 ปี ซึ่งนับว่าเป็น ส.ส. ที่มีอายุน้อยที่สุดในขณะนั้น และเป็น ส.ส.เพียงคนเดียวของ พรรคประชาธิปัตย์ ในเขตกรุงเทพมหานคร และพื้นที่ภาคกลาง ท่ามกลางกระแส "มหาจำลองฟีเวอร์" กับการเป็นนักการเมือง "หน้าใหม่" ที่เพิ่งลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นครั้งแรก
สามารถลำดับการดำรงตำแหน่งทางการเมืองของนายอภิสิทธิ์ได้ดังนี้
พ.ศ. 2535
ส.ส.กรุงเทพฯ เขต 6 (สาทร ยานนาวา บางคอแหลม) 2 สมัย (2535/1 และ 2535/2)
ได้รับการแต่งตั้งเป็น โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (พ.ศ. 2535-2537)
พ.ศ. 2537 รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง (รองนายกฯ ศุภชัย พานิชภักดิ์)
พ.ศ. 2538
ส.ส. เขต 5 (ดินแดง ห้วยขวาง พระโขนง คลองตัน)
ประธานคณะกรรมาธิการการศึกษา สภาผู้แทนราษฎร (พ.ศ. 2538-2539)
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ (พ.ศ. 2538-2540)
พ.ศ. 2539 ส.ส. เขต 5 (ดินแดง ห้วยขวาง พระโขนง คลองตัน)
พ.ศ. 2540
รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายกฯ ชวน หลีกภัย พ.ศ. 2540-2544)
กำกับดูแล สนง.คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนกำกับดูแล สนง.คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในวงราชการ
กำกับดูแล สนง.คณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ
กำกับดูแล สนง.คณะกรรมการกระจายอำนาจไปสู่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
พ.ศ. 2541 ประธานคณะกรรมาธิการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542
พ.ศ. 2542 ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่ง รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (พ.ศ. 2542-2548)
พ.ศ. 2544 สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ (พ.ศ. 2544-2548)
พ.ศ. 2548 สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ (พ.ศ. 2548-2549)
ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่ง หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (พ.ศ. 2548 - ปัจจุบัน)
ได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้เป็น ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร (28 เมษายน พ.ศ. 2548)
พ.ศ. 2551 ได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้เป็น ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร (29 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551)
พ.ศ. 2551 ได้รับการลงคะแนนเสียงจากสภาฯ ให้เป็น นายกรัฐมนตรีคนที่ 27 (15 ธันวาคม พ.ศ. 2551)

เครื่องราชอิสริยาภรณ์
พ.ศ. 2535 : ตริตาภรณ์มงกุฏไทย (ต.ม.)
พ.ศ. 2526 : ทวีติยาภรณ์ช้างเผือก (ท.ช.)
พ.ศ. 2538 : ประถมาภรณ์มงกุฏไทย (ป.ม.)
พ.ศ. 2541 : ประถมาภรณ์ช้างเผือก (ป.ช.)
พ.ศ. 2542 : มหาวชิรมงกุฎ (ม.ว.ม.)

ท่านสามารถดาวน์โหลดข้อมูลได้ที่
http://www.kanzuksa.com/primeMinisterDetail.asp?prime=27

วันจันทร์ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2552

เจดีย์ชเวดากอง

สถานที่ท่องเที่ยวเชิงพระพุทธศาสนา
เจดีย์ชเวดากอง สาระน่ารู้ เจดีย์ชเวดากอง มีตำนานการสร้างอยู่โดยชาวมอญ สมัยอาณาจักรรามัญ แต่ก่อนที่นี่เป็นเมืองชื่อ ตะโก้ง หรือตะเกิง (Dagon) แต่ปัจจบันชื่อ ร่างกุ้ง ชเว (Shwe) แปลว่าทองคำ ดังนั้น เจดีย์ ชเวดากอง แปลว่า เจดีย์ทองคำแห่งตะเกิง
ท่านสามารถดาวน์โหลดข้อมูลในรูปแบบ Microsoft Word ได้ที่
http://th.upload.sanook.com/A0/bd4c4a44d82162edfb884e479629efcc

วันอาทิตย์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2552

jakree

jakree

neno

neno

poom

poom